อยากเลิกเลี้ยงแมว ทำอย่างไรให้ดี (ไม่ต้องเสียใจภายหลัง)


อยากเลิกเลี้ยงแมว ทำอย่างไรให้ดี (ไม่ต้องเสียใจภายหลัง)

แม้ว่าน้องแมวจะเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารัก ช่างออดอ้อนสารพัด แต่ก็ใช่ว่าทาสแมวทุกคนจะสามารถเลี้ยงน้องแมวได้อย่างตลอดรอดฝั่ง ดังนั้นเมื่อคุณมาถึงจุดที่คิดว่า ไม่อยากเลี้ยงน้องแมวอีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การหาทางรอดและมอบชีวิตที่ดีให้กับน้องแมว ย่อมจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ 

สาเหตุที่ทำให้ใครหลายคนอยากเลิกเลี้ยงแมว

หากคุณคิดว่าไม่อยากเลี้ยงแมวแล้วจะทำอย่างไรดี ก็ลองพิจารณาอีกครั้งเถอะครับว่า ความจริงแล้วสาเหตุที่คุณไม่อยากเลี้ยงน้องแมวต่อเป็นเพราะอะไรกันแน่ ซึ่งบางสาเหตุก็ยังพอจะหาทางแก้ไขได้ครับ

-แมวตัวเมียมีลูกติดท้องมาจึงคิดว่าเลี้ยงไม่ไหว ซึ่งแมวจะมีลูกง่ายโดยเฉพาะถ้าเลี้ยงระบบเปิด แต่หากคุณลองคิดดูให้ดี การนำแม่แมวไปทำหมัน เก็บแม่แมวไว้ แล้วหาบ้านให้ลูก ๆ ก็เป็นทางเลือกที่อาจทำได้

-น้องแมวทำลายข้าวของเสียหาย แต่เขาจะไม่มีทางทำลายของมีค่าที่คุณเก็บอย่างมิดชิดได้ ยกเว้นว่าคุณก็ซีเรียสเรื่องที่เขาทำลายข้าวของทั่วไปในบ้านพัง

-ขับถ่ายไม่เป็นที่ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้าน ซึ่งความจริงแล้วคุณสามารถฝึกให้เขาขับถ่ายที่ห้องน้ำแมวหรือที่กระบะทรายได้ไม่ยากเลย

-น้องแมวชอบขโมยของกินของคน แต่คุณสามารถป้องกันได้ด้วยการเก็บใส่ตู้เย็นหรือตู้กับข้าวให้มิดชิด อย่าวางล่อเขาเด็ดขาด 

-อันที่จริงคุณไม่ใช่เจ้าของแมว น้องเป็นแมวจร น้องมาเอง คุณก็แค่ให้อาหาร จากนั้นน้องแมวจึงมารบกวนเป็นประจำ แบบนี้แนะนำให้ใจเด็ด เลิกให้อาหารแมวไปเลยครับ น้องแมวก็จะไม่มากวนอีก ซึ่งถ้ายังมาอีก การหาบ้านให้น้องก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี เพื่อให้น้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

-คนที่บ้านไม่ยอมรับน้องแมวแม้คุณจะได้พยายามแล้ว ซึ่งปัญหานี้อาจลุกลามใหญ่โตหากคุณไม่ยอมย้ายน้องแมวออก

-คุณมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงจำเป็นต้องตัดรายจ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงออกไป แต่เอาจริง ๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงน้องแมวถือว่าไม่มากนะครับ และหากจำเป็นจริง ๆ คุณก็สามารถให้เขากินแบบเดียวกับคุณได้ ซึ่งเขาจะกินในปริมาณที่น้อยมาก

-คุณไม่มีเวลาเอาใจใส่น้องแมวเท่าที่ควร แต่น้องแมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระมากครับ คุณจึงไม่ควรกังวลจนเกินไปว่าเขาจะงอนคุณ คุณต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายงอนเขา

-ชอบข่วน กัด หรือทำร้ายคนในบ้าน นี่คือปัญหาหนักที่หลายคนให้อภัยไม่ได้เลย ซึ่งหากเป็นเรื่องนี้ก็จะแก้ไขได้ยากครับ เพราะการลงโทษน้องแมวจะไม่ค่อยได้ผลเหมือนในน้องหมา เนื่องจากแมวจะไม่เรียนรู้เรื่องการทำโทษ อาจขยาดจนไม่กล้าเข้าใกล้เจ้าของอีก และซ้ำร้ายน้องแมวจะยิ่งทำพฤติกรรมนั้นหนักขึ้น

-เหตุผลแท้จริงคือหมดใจ นี่แหละครับคือที่สุดของเหตุผลทั้งหมด เพราะถ้าคุณรู้สึกหมดรักน้องแมวแล้ว ต่อให้มีเหตุผลดี ๆ อีกร้อยแปด ก็ไม่สามารถยื้อให้คุณเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นถามใจตัวเองให้ดีครับ เพราะถ้าเป็นข้อนี้น้องแมวคงไม่ได้ไปต่อแน่นอน

เลิกเลี้ยงแมวได้ แต่อย่าไร้มนุษยธรรม

เมื่อคุณสรุปได้ซักทีว่าต้องการจะเลิกเลี้ยงน้องแมวแน่นอนแล้ว โอเคครับคุณมีสิทธิ์เลิกได้ แต่การเลิกเลี้ยงสัตว์ ย่อมไม่เหมือนการเลิกบุหรี่เลิกเหล้า ที่คุณจะตัดทิ้งสิ่งนั้นได้ทันที เพราะน้องแมวมีชีวิตจิตใจ คุณจึงต้องคิดหาทางเลิกเลี้ยงเขาอย่างมีมนุษยธรรม ไม่ทำลายชีวิตน้องแมว แต่หาทางออกให้เขาอย่างเหมาะสมเท่าที่คุณจะทำได้ นั่นก็คือการส่งต่อหรือมอบชีวิตน้องแมวให้อยู่กับเจ้าของใหม่นั่นเองครับ

หาคนรู้จักรับเลี้ยงน้องแมวต่อ

หากคุณอยากหาคนเลี้ยงน้องแมวต่อ หรือต้องการหาคนอุปการะแมว คุณก็น่าจะเลือกจากคนที่รู้จักคุ้นเคยดี เพราะข้อดีของการหาคนรู้จักรับเลี้ยงแมวต่อมีมากมาย เช่น

-คุณจะค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเขาจะเลี้ยงดูน้องแมวอย่างดี ดีกว่าส่งน้องแมวไปอยู่กับคนที่คุณไม่รู้จักเลย

-หากคนคนนั้นสนิทกับคุณมากพอ คุณอาจบอกเขาถึงปัญหาที่แท้จริง ซึ่งไม่สามารถเลี้ยงน้องแมวต่อได้ เพราะบางครั้งการพูดความจริงกับคนที่จะไม่มีทางซ้ำเติมคุณ ก็จะช่วยเป็นแนวทางให้เขาเลี้ยงน้องแมวได้ดียิ่งขึ้น

-เขาจะได้ขอคำปรึกษาคุณหากมีปัญหาในการเลี้ยง หรือจะได้สอบถามนิสัยใจคอน้องแมวจากคุณผู้เป็นเจ้าของเก่า

-คุณอาจขอไปเยี่ยมเยียนน้องแมวได้ยามคิดถึง ซึ่งคุณและเขาย่อมรู้สึกสะดวกใจ

ส่งตัวน้องแมวแบบมีค่าตัว

ถ้าน้องเป็นแมวพันธุ์มีราคาก็ควรมีค่าตัว ซึ่งไม่ได้หมายความว่าให้คุณขายน้องกินนะครับ แต่การทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวน้องแมวเอง เพราะเมื่อมีราคาค่างวด ก็จะป้องกันพวกที่ชื่นชอบน้องแมวสวย ๆ ตามแฟชั่น มาขอฟรีแล้วก็ทิ้งขว้าง

แต่การจ่ายค่าตัวก็พอจะเป็นหลักประกันว่า อย่างน้อยเมื่อเจ้าของใหม่ได้น้องไป เขาก็จะต้องเลี้ยงดูอย่างดีให้สมกับเงินที่เสียไป และยังแสดงให้เห็นว่าเจ้าของใหม่มีความพร้อมในเรื่องการเงินด้วยครับ  

หาบ้านใหม่ให้น้องแมวด้วยช่องทางต่าง ๆ

ถ้าคุณต้องการหาบ้านใหม่ให้น้องแมว  คุณอาจเลือกช่องทางออนไลน์ได้เกือบทุกช่องทาง เพราะการ “เข้าถึง” ย่อมจะเพิ่มโอกาสให้น้องแมวมากขึ้น

ดังนั้นอย่าลืมโพสต์ที่หน้าเฟซบุ๊กของคุณ แท็กไปหาเพื่อน ๆ ให้ช่วยกระจายข่าว หรือตามช่องทางอื่น ๆ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์เหล่านี้ที่ทาสแมวทาสหมามารวมตัวกัน และมีความต้องการน้องแมวจริง ๆ ซึ่งการขออนุญาตโพสต์ลงตรงนี้จึงเรียกได้ว่าตรงกลุ่มเป้าหมายมาก ๆ ครับ เช่น 

-หาบ้านใหม่ให้สี่ขา องค์กรการกุศล AAD Thailand (https://www.facebook.com/AADThailand)

-ไทยแท้ ๆ หาบ้าน (https://www.facebook.com/rakmhathai)

-หาบ้านให้น้องหมา และน้องแมว (https://www.facebook.com/catdog.yourhome)

-แจกฟรี น้องหมาน้องแมว (กรุงเทพมหานครและปริมณฑล)(https://www.facebook.com/groups/2230880823807247

– Gluta Story Club (https://www.facebook.com/groups/1864469517125057)

-แจกแมวและหมาฟรีหาบ้านหมาแมว (https://www.facebook.com/groups/3912207722193137)

-แจกฟรี หาบ้านให้หมาแมว ประกาศหมาแมวหลงหายและสัตว์อื่น ๆ ทุกชนิด (ห้ามซื้อขาย) (https://www.facebook.com/groups/517235702117358)

เทคนิคโพสต์อย่างไรให้ได้บ้าน

อย่าลืมนะครับว่าในโลกออนไลน์มีการแข่งขันสูงมาก ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้น้องแมวได้บ้านไว ๆ ก็ต้องรู้จักเทคนิคการโพสต์ที่น่าสนใจ ทำให้น้องแมวดูโดดเด่นจากผู้เข้าประกวดทั้งหมด เช่น

-ก่อนถ่ายภาพน้องแมวคุณควรทำความสะอาดเขาให้สะอาด และเป่าขนให้ฟูหน่อยก็จะช่วยให้น้องดูดียิ่งขึ้น

-หากมีพร็อพ เช่น เสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวก แว่นตา ก็ช่วยให้น้องเก๋ ๆ ได้ สไตล์แมวบ้าน ดูแตกต่างจากแมวจรทั่วไป  

-พยายามถ่ายหลาย ๆ มุมเพื่อเพิ่มโอกาสให้น้อง ซึ่งต้องมีสักภาพที่เข้าตากรรมการบ้างล่ะครับ

-ควรลงรายละเอียดเกี่ยวกับน้องแมวให้ครบ อย่ารอให้เขามาเสียเวลาถาม ซึ่งรายละเอียดที่ควรมี เช่น ชื่อน้อง เพศ อายุ น้ำหนัก นิสัยใจคอ ลักษณะพิเศษซึ่งเป็นจุดขาย ที่ติดต่อ สาเหตุที่ต้องการหาบ้าน ซึ่งตรงนี้หากเป็นเหตุผลที่ดูไม่ดีเท่าไร คุณอาจแจ้งเป็น “เหตุผลส่วนตัว” ได้ครับ เพราะการพูดตรงไปนั้นแม้จะเป็นความจริง แต่อาจทำให้น้องไม่ได้บ้าน และคุณก็จะถูกชาวเน็ตรุมประณาม

-อย่าลืมคิด “แคปชั่นดี วลีโดน” ให้น้องแมวด้วย เพราะสมัยนี้สินค้าอาจเหมือน ๆ กัน แต่ผู้บริโภคก็จะตัดสินใจจากการตลาดนี่แหละครับ

-การสร้างสตรอรี่หรือเรื่องดราม่านิด ๆ ก็จะช่วยเรียกยอดไลก์ และสร้างความน่าสนใจให้น้องแมวได้

ระวังมิจฉาชีพมาขอรับแมว

ทุกวันนี้โลกเราโหดร้ายมากขึ้น แม้แต่แมวตัวเล็ก ๆ ก็ตกเป็นเหยื่อคนโรคจิตที่มาทำทีขอแมวไปอุปการะ บ้างก็ทอดทิ้ง ปล่อยให้ตาย ทำร้ายทารุณ หรือฆ่าน้องอย่างไร้ความปรานี

ดังนั้นไม่จำเป็นว่าคุณต้องรีบให้น้องแมวกับคนแรกที่มาขอ การคัดเจ้าของที่มีความพร้อมต่างหากที่จะส่งผลดีกับน้องแมว ซึ่งคุณอาจเข้าไปดูในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา และหากเป็นแนวอวตาร ไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กจริงมาติดต่อ ก็ให้สังหรณ์ใจเลยครับว่าเขาอาจเป็นมิจฉาชีพ และยิ่งถ้าเขาแจ้งว่าให้ส่งน้องให้เขาฟรี ไม่มีการแสดงถึงความตั้งใจใด ๆ ทั้งสิ้น แบบนี้ยิ่งอันตราย และหากคุณเจอคนแนวนี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาคุยด้วยครับ

มูลนิธิรับเลี้ยงแมวช่วยได้ไหม

อันที่จริงมูลนิธิที่รับเลี้ยงแมวต่าง ๆ ก็จะมีแมวในการดูแลเป็นจำนวนมากอยู่แล้วครับ ลำพังการโพสต์ขอบ้านให้แมวในมูลนิธิก็เป็นงานหนักอยู่แล้ว เขาจึงไม่นิยมรับอุปการะน้องแมวที่มีบ้านอยู่แล้ว แต่เจ้าของไม่ต้องการเลี้ยง

ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็จะรับเคสช่วยแมวจรมากกว่า และหากคุณติดต่อไปก็อาจจะไม่เหมาะสม ดังนั้นแนะนำให้โพสต์หาบ้านตามเพจหรือกลุ่มที่เกี่ยวกับการหาบ้านให้น้องแมวดีกว่าครับ 

หาบ้านใหม่ไม่ได้ อย่าใจร้ายปล่อยน้องแมว

การหาบ้านให้น้องแมวอาจกินเวลานานเป็นเดือน และจะยิ่งยากหากน้องแมวของคุณมีอายุมาก พิการ หรือมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นถ้าคุณพยายามแล้ว แต่ก็ยังหาบ้านใหม่ให้น้องไม่ได้สักที

จนคุณคิดว่าหรือนำน้องไปปล่อยดีนะ เนื่องจากเห็นว่าแมวเป็นสัตว์ที่เอาตัวรอดเก่ง และแมวยังได้สมญาว่า “แมวเก้าชีวิต” แต่ความจริงก็คือน้องอาจ “ไม่เหลือชีวิต” เพราะน้องเคยเป็นแมวบ้านมาก่อน มีทาสคอยหาอาหารมาปรนเปรอ ทักษะการเอาตัวรอดของน้องจึงเทียบไม่ได้กับแมวเจ้าถิ่น ดังนั้นการปล่อยน้องไป จึงไม่ใช่การให้ชีวิตใหม่ แต่หมายถึงการส่งน้องไปตายได้เลยครับ

ดังนั้นหากคุณไม่ติดขัดเรื่องการเงิน การฝากเลี้ยงแบบยาว ๆ หรือจ้างคนเลี้ยงแทนคุณก็น่าจะดีกว่า แต่หากทำไม่ได้ก็อาจใช้วิธีกักน้องในบริเวณที่กว้างพอสมควร เพื่อให้เขาอยู่ในที่ของเขา และก็อย่าเพิ่งถอดใจเรื่องการหาบ้านให้น้องควบคู่ไปด้วย

ขณะเดียวกันระหว่างนั้นคุณก็ต้องไม่ปิดใจ เพราะมีความเป็นไปได้ครับว่า เมื่อเวลาผ่านไปน้องอาจมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น คุณเองก็ผ่อนคลายลง สถานการณ์ต่าง ๆ อาจเข้าที่เข้าทาง ปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนไป และบางทีคุณอาจเต็มใจรับน้องกลับมาเป็นเจ้านายอีกครั้ง

เมื่อคุณมั่นใจว่าได้จัดการกับปัญหานี้อย่างดีที่สุดแล้ว คุณก็ไม่ควรโทษตัวเอง แต่ให้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผิดพลาด ซึ่งอาจเกิดจากการตัดสินใจที่ไม่ดีของคุณ ดังนั้นอย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก

หากครั้งหน้าคุณคิดจะเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นประเภทใดก็ตาม คุณควรตรึกตรองให้ถ้วนถี่ จนมั่นใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณจะดูแลชีวิตน้อย ๆ นั้นไปตราบจนชั่วอายุขัยของเขาได้ ซึ่งไม่เพียงแสดงถึงความเมตตาที่มีต่อชีวิตสัตว์ แต่ยังหมายถึงความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงในฐานะเจ้าของด้วยครับ

บทความล่าสุด