การเลี้ยงกระต่ายครั้งแรกสำหรับมือใหม่ จะไม่ใช่เรื่องยากเลยหากคุณศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงกระต่าย ยิ่งคุณมีข้อมูลมากเท่าไร ก็จะทำให้คุณสามารถเลี้ยงน้องกระต่ายด้วยความมั่นใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้เกิดอันตรายกับเขา และทำให้น้องกระต่ายอารมณ์ดีมีความสุขด้วยครับ
ดังนั้นมาดูกันเลยครับ ว่ามีเทคนิคดี ๆ อะไรสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงกระต่ายที่คุณควรรู้บ้าง
งบเท่าไรถึงจะได้เป็นเจ้าของน้องกระต่าย
หากคุณคิดจะเลี้ยงกระต่ายครั้งแรก ก็ควรมีงบประมาณไว้ในใจ ซึ่งโดยทั่วไปหากเป็นกระต่ายไทยจะมีค่าตัวเริ่มแค่ร้อยต้น ๆ แต่สำหรับพันธุ์ต่างประเทศโดยเฉพาะตามฟาร์มชื่อดัง น้องกระต่ายจะมีราคาสูงถึง 3,000 – 5,000 อัพ
12 สายพันธุ์น้องกระต่ายยอดฮิต
คุณอาจเริ่มจากการเลี้ยงกระต่ายพันธุ์ฮิต ทั้ง 10 สายพันธุ์เหล่านี้
#1. มินิเร็กซ์ (Mini Rex)
จุดเด่นของมินิเร็กซ์คืออารมณ์ดี ตัวเล็ก ขนแบบกำมะหยี่ ไม่จำเป็นต้องตัดแต่งขน แค่ใช้มือลูบ ๆ ก็ถือเป็นการช่วยน้องผลัดขนแล้ว
#2.เร็กซ์ (Rex)
เป็นน้องกระต่ายที่ไซส์ใหญ่กว่ามินิเร็กซ์ แต่ก็ไม่เกิน 4.5 กิโลกรัม ซึ่งน้องพันธุ์นี้อาจก้าวร้าวเกินไปหากไม่ได้ทำหมัน
#3.ดัตช์ (Dutch)
น้องดัตช์อารมณ์ดี ขี้เล่น และยังมีเอกลักษณ์มากคือ สีขนของเขาจะแบ่งครึ่ง คือมักจะเป็นลายที่ใบหน้า ส่วนอกถึงเอวสีขาว และช่วงเอวจนถึงหางเป็นลาย
#4.ฮอลแลนด์ลอป (Holland Lop)
น้องกระต่ายพันธุ์นี้จะมีเอกลักษณ์คือหูตก ทรงกลม ตัวสั้นแน่น และเหมาะกับคนที่ชอบสัตว์เลี้ยงที่เรียบร้อย แต่น้องพันธุ์นี้มีความจำเป็นต้องตกแต่ง และแปรงขนเสมอนะครับ
#5. มินิลอป (Mini Lop)
มินิลอปโตดูคล้ายฮอลแลนด์ลอป คือหูตก แต่ตัวจะเล็กกว่า คือเต็มที่ไม่เกิน 3 กิโลกรัม และยังเรียบร้อย ค่อนข้างนิ่งจนนิ่งเกินไป ส่วนมากมักส่ายหาง ไม่ค่อยขยับเขยื้อน และคุณควรหมั่นแปรงเอาขนเก่าออกด้วยเพราะน้องผลัดขนเยอะมาก
#6.ฟลอริดาไวท์ (Florida White
ลักษณะเด่นของน้องคือสีขนขาวเพียงสีเดียว และเป็นสีขาวสนิท ดวงตาสีชมพู ค่อนข้างเชื่อง ฝึกง่าย และเข้ากับเด็กได้ดี
#7.เจอร์ซี วูลลี (Jersey Wooly)
ได้รับการดูแลขนมากเป็นพิเศษ คือต้องแปรงและตกแต่งขนอย่างน้อย 2 ครั้งต่อเดือน และเนื่องจากน้องเรียบร้อยมาก ๆ จึงเหมาะจะเลี้ยงภายในบ้านมาก
#8.นิวซีแลนด์ (New Zealand)
น้องนิวซีแลนด์แต่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกานะครับ ซึ่งน้องจะมีลักษณะเด่นคือ หากเป็นพันธุ์แท้จะมีสีขาวสนิท ขนฟูยาว หูตั้ง ที่ปลายหูฟูน่ารัก แถมน้องยังตัวใหญ่ เรียบร้อย และกินเก่งมากด้วย
#9. ซาตินแองโกลา (Satin Angora)
น้องพันธุ์นี้มีขนยาวนุ่มดุจแพรไหม และขนแวววาวเล่นแสง ดังนั้นจึงได้ชื่อว่าซาติน นอกจากนี้น้องยังค่อนข้างเรียบร้อย และมีขนาดใหญ่ได้กว่า 4 กิโลกรัมด้วย
#10. แองโกรา (Angora)
นี่คือน้องกระต่ายที่มีขนยาวที่สุดในโลกครับ ดูแล้วเหมือนก้อนฟูสีขาวกลม ๆ ที่มีขนปกคลุมจนมิดหน้ามิดตา ดังนั้นน้องจึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนี้น้องยังมีนิสัยขี้เล่น และไม่ชอบหยุดนิ่งด้วย
#11. เนเธอร์แลนด์ ดวอร์ฟ (Netherland Dwarf)
เขาเป็นน้องกระต่ายไซส์เล็ก เด่นตรงที่หัวกลมเหมือนแอปเปิ้ล หูสั้นไม่เกิน 1-2 นิ้ว ขนยาวกำลังดีและแน่นนุ่ม ซึ่งแม้ว่าน้องจะขี้หงุดหงิด แต่ก็ขี้เล่นมาก จึงเป็นน้องกระต่ายที่ได้รับความนิยมเลี้ยงอย่างยิ่ง
#12. กระต่ายไทย (Thai Rabbit)
น้องคือกระต่ายไทยจึงเหมาะจะเลี้ยงในสภาพแวดล้อมบ้านเรามาก ขนก็สั้น ไม่ต้องการการดูแลมาก คล่องแคล่ว และน้องยังกระโดดได้สูง เพราะมีกล้ามเนื้อขาทรงพลัง ที่สำคัญคือน้องมีค่าตัวไม่แพง แต่ก็น่ารักเกินราคา
อายุขัยน้องกระต่ายต้องรู้
อายุเฉลี่ยของน้องกระต่ายสายพันธุ์ต่าง ๆ คือ 5 ปีโดยน้องกระต่ายจะเริ่มเป็นหนุ่มสาวตอน 4 เดือนและช่วงผสมพันธุ์ที่เหมาะสมที่สุดคือช่วง 5 เดือน
การตั้งท้องของน้องกระต่าย
เพียงไม่เกินแค่ 31 วัน ลูกกระต่ายก็จะได้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว และส่วนใหญ่ครอกหนึ่งจะมีประมาณ 8 ตัว
อาหารจานโปรดของน้องกระต่าย
น้องกระต่ายก็ต้องการอาหารที่ดี เพื่อให้เขาเติบโตสมวัย คุณจึงควรเลือกอาหารที่ดีให้เขาเสมอ
อาหารหลัก
น้องกระต่ายไม่ได้กินแค่แคร์รอตนะครับ แต่เขาสามารถกินได้ทั้งหญ้าแห้ง หญ้าสด ผักใบเขียวต่าง ๆ ซึ่งตามปกติเขามักจะกินหญ้าได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะหญ้าอัลฟ่าที่อุดมด้วยสารอาหารที่คุณควรให้เขากินอย่างยิ่ง นอกจากนี้หากคุณต้องการให้น้องกระต่ายกินหญ้า ก็ต้องระวังเรื่องความสะอาด และสารพิษเป็นพิเศษ
ขนมกินเล่น
คุณไม่ควรให้น้องกระต่ายกินขนมกระต่ายที่ขายทั่วไป เพราะมักมีส่วนผสมที่เป็นอันตราย ขนมที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือผลไม้ที่มีรสหวานกำลังดี และมีไขมันต่ำ
น้ำดื่ม
คุณควรเปลี่ยนน้ำที่สะอาดให้น้องกระต่ายบ่อย ๆ และเน้นน้ำที่ไม่เย็น เพราะน้ำเย็นเกินไปจะทำให้น้องเป็นไข้ได้ง่าย
อาหารเหล่านี้ไม่ควรให้น้องกระต่าย
อาหารเหล่านี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับน้องกระต่ายนะครับ
-มูสลี หรืออาหารรวมที่เต็มไปด้วยถั่วและธัญพืช เพราะจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารของน้องกระต่าย และแข็งเกินไปสำหรับฟันน้อง
-ห้ามกินอาหารสำเร็จรูปเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้น้องกระต่ายไม่สนใจกินผักหญ้า ซึ่งโดยทั่วไปแล้วน้องกระต่ายควรกินอาหารเม็ดสำเร็จรูปเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
-ผักผลไม้บางอย่างทำให้เกิดพิษกับน้องกระต่าย คุณจึงควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะพืชตระกูลเหล่านี้ หอม ผักกาด มัน แตง หน่อไม้ ข้าว มะเขือเทศ กะหล่ำปลี
ของเล่นแก้เบื่อสำหรับน้องกระต่าย
พูดตามตรงก็คือน้องกระต่ายไม่ค่อยปลื้มของเล่นครับ เพราะเขาจะสนใจแต่เรื่องกิน ส่วนตัวผู้ก็จะสนใจแค่การผสมพันธุ์เสียมากกว่า ดังนั้นถ้าคุณจะนำงบของเล่นไปซื้อของกินให้เขาก็น่าจะเหมาะกว่า
จัดบ้านให้คุณกระต่าย
แม้ว่าเขาจะเป็นน้องกระต่ายที่มีนิสัยเรียบร้อย แต่หากคุณอยากให้บ้านสะอาด ก็ควรจัดบริเวณเลี้ยงเขาโดยเฉพาะ เช่น
-ให้อยู่ในกรงที่มีเศษฟางหรือหญ้ารอง
-รั้วกั้นบริเวณสนามหญ้าที่อยู่ใต้ร่มไม้
-คอกบนพื้นดินซึ่งมีที่หลบแดด
-หากต้องการเลี้ยงในตัวบ้านเลย คุณควรกันพื้นที่บางส่วนเพื่อไม่ให้เขากระโดดออกมาได้
เลี้ยงคุณกระต่ายยังไง…ไม่ให้เหม็น
กระต่ายไม่มีกลิ่นตัวนะครับ เพราะน้องจะหมั่นทำความสะอาดตัวเองเสมอ แต่ที่เหม็นฉุนก็คือมาจากฉี่ และกลิ่นขี้กระต่าย ซึ่งกระต่ายจะถ่ายเป็นเม็ดกลม ๆ ออกมาตลอดเวลา ทำให้มีกลิ่นเหม็นแบบหญ้า ดังนั้นหากคุณอยากกำจัดกลิ่นเหล่านี้ ก็ต้องทำความสะอาดบ้านของเขาเป็นประจำ โดยขนขี้กระต่ายออก และล้างคราบฉี่เสมอ ๆ
การอุ้มน้องกระต่ายที่ถูกวิธี
คุณไม่ควรหิ้วหูกระต่ายแบบหิ้วถุงแกงนะครับ เพราะน้องจะเจ็บมาก เนื่องจากส่วนหูมีเส้นประสาทเยอะและยังบอบบางมาก วิธีอุ้มน้องกระต่ายที่ถูกต้องก็คือ…
-ใช้มือข้างหนึ่งสอดมือเข้าไปที่ใต้ท้องน้องกระต่าย
-มืออีกข้างประคองที่ก้นของเขา
-พยายามให้น้องกระต่ายชิดหรือแนบลำตัวคุณ เพื่อให้น้องกระต่ายรู้สึกปลอดภัย และป้องกันการดิ้นตก
เลี้ยงกระต่ายยังไงให้เชื่องน่ารัก
วิธีฝึกกระต่ายให้เชื่องบอกเลยว่ายากครับ และปกติแล้วเราก็ไม่นิยมฝึกด้วย แต่น้องจะเชื่องหรือไม่มาจากนิสัยตามสายพันธุ์มากกว่า
ดังนั้นหากคุณจะเปลี่ยนความคิดจากเลี้ยงกระต่ายยังไงให้เชื่อง มาเป็นการผูกมิตรกับน้องกระต่ายก็น่าจะเหมาะกว่า ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้น้องกล้าที่จะเข้าหา ไม่หวาดกลัว และคุณก็สามารถอุ้มน้องมาเล่นได้
เทคนิคผูกมิตรน้องกระต่ายที่อยากแนะนำคุณ ซึ่งคุณสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยครับ
-ห้ามจ๊ะเอ๋หรือทำให้น้องตกใจเพราะกระต่ายจะขี้ตกใจง่าย
-ควรเข้าไปหาน้องจากด้านหน้าเสมอ เพื่อให้เขาเห็นคุณเต็ม ๆ จะได้ไม่ตื่นกลัว
-ย่อตัวลงหรือนั่งทุกครั้งเมื่อเข้าหาเขา
-รอให้น้องเข้าหาคุณ อย่ารีบร้อนเข้าไปสัมผัสตัว
-คุณอาจยื่นมือออกไปช้า ๆ ให้เขาเข้ามาดม ๆ หรือมีขนมล่อ ก็จะทำให้เขาเข้ามาหาง่ายขึ้น
-เมื่อน้องกระต่ายเข้ามาแล้วให้คุณลูบตัวเขาเบา ๆ โดยจุดที่น้องชอบก็คือ หน้าผาก แก้ม ไหล่ และหลัง
-หากน้องโอเคแล้วก็ให้คุณสอดมือไปอุ้มได้เลย
สัญญาณอารมณ์ของน้องกระต่าย
น้องกระต่ายมีอารมณ์อย่างไร สามารถดูได้จากลักษณะต่าง ๆ ดังนี้ครับ
#น้องกระต่ายอารมณ์ดีสุด ๆ
-น้องมาวิ่งวนรอบตัวคุณ
-น้องกระโดดไปมา
-น้องนอนแผ่ นอนตะแคง หรือหงายท้องให้
-น้องใช้จมูกมาดุนคุณ
#น้องกระต่ายอารมณ์เสียแล้วนะ
-น้องกระทืบเท้าตึง ๆ
-น้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
-น้องส่งเสียงคำรามคล้ายขู่ในลำคอ
ข้อควรระวังเมื่อคิดจะเลี้ยงน้องกระต่ายแบบคู่
หากคุณไม่ต้องการเพิ่มปริมาณสมาชิกกระต่าย คุณไม่ควรเลี้ยงคู่แบบตัวผู้ตัวเมีย เพราะน้องกระต่ายเป็นสัตว์ที่เซ็กส์จัดมาก น้องสามารถผสมพันธุ์กันได้ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่จำเป็นต้องรอฤดูกาลผสมพันธุ์ ซึ่งน้องกระต่ายตัวผู้จะใช้เวลาแค่ 30 วินาทีต่อครั้ง ก็สามารถผสมพันธุ์จนเสร็จได้ ดังนั้นหากคุณจะเลี้ยงคนละเพศ ก็ต้องแยกบ้านน้องกระต่ายอย่างจริงจังเลยนะครับ
ไม่ว่าคุณจะเลี้ยงน้องกระต่ายสายพันธุ์ใด การเอาใจใส่เขาทั้งในยามดีและยามไข้ ก็จะช่วยให้เขามีสุขภาพกายและใจที่ดี และยังสะท้อนให้เห็นว่าคุณคือเจ้าของน้องกระต่ายที่ทุ่มเทอย่างจริงจัง ความรักของคุณจึงทำให้ชีวิตน้อย ๆ ของเขาสมบูรณ์และมีความสุขเสมอ