คุณอาจจะยังไม่มีลูก และไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการมีน้อง หรือมีเด็ก ๆ ในบ้าน แต่จู่จู่ก็เหมือนน้องหมาที่บ้าน กำลังจะได้เป็นแม่หมาป้ายแดง ขณะที่คุณเองก็กำลังจะได้เป็นคุณตาคุณยายมือใหม่ และกำลังจะได้อุ้มหลาน
แต่ความดีใจและตื่นเต้น ก็มาพร้อมกับความกังวลต่าง ๆ นานา ซึ่งแน่นอนว่าด้วยความที่คุณยังไม่เคยรับมือกับน้องหมาที่กำลังตั้งท้อง คุณจึงไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ดี
หากคุณกำลังมองหาคำแนะนำดี ๆ ก็ลองมาดูกันสิครับว่า มีอะไรบ้างที่คุณจะสามารถช่วยน้องหมาที่กำลังตั้งท้องได้ และคุณจะต้องเตรียมการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรดี เพื่อให้น้องหมามีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งตัวน้องหมา ลูก ๆ ที่กำลังจะออกมา และรวมทั้งตัวคุณด้วย เพราะนั่นหมายถึงภาระหน้าที่ที่จะต้องเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายที่ปฏิเสธไม่ได้เลยครับ
สัญญาณที่บอกว่าน้องหมากำลังจะเป็นคุณแม่
น้องหมาที่กำลังตั้งท้อง หรือกำลังจะได้เป็นคุณแม่ ก็มักจะมีสัญญาณฟ้องที่คุณสามารถสังเกตได้ โดยเฉพาะถ้าคุณสงสัยว่าน้องหมาหนุ่มมาผสมกับลูกสาวคุณแล้ว น้องหมาของคุณก็มักจะมีอาการเหล่านี้
-หากคุณสงสัยว่าน้องหมาได้รับการผสมแล้ว ให้คุณนับต่อไปอีก 5 สัปดาห์ ก็จะเห็นว่าช่วงนี้น้องน้ำหนักมากขึ้นจนดูอวบอัด ซึ่งก่อนหน้านั้นจะยังเห็นไม่ชัดครับ เพราะเด็ก ๆ ในท้อง ก่อน 5 สัปดาห์จะยังโตช้าอยู่
-เต้านมและท้องดูขยายใหญ่
-หัวนมสีชมพูชัดเจนขึ้น ซึ่งจะสังเกตได้ในน้องหมาที่มีผิวสีอ่อน
-บริเวณปากช่องคลอดจะขยายใหญ่ขึ้น และบางครั้งก็พบของเหลวสีชมพูอ่อนไหลออกมาด้วย
-ถ้าลองคลำท้องดูจะรู้สึกได้ทันทีว่ามีลูกหมาอยู่เต็มท้อง ยกเว้นแม่หมาที่อ้วนมากก็จะคลำยากครับ
-พฤติกรรมการกินของน้องหมาอาจเปลี่ยนไปคือ หิวบ่อย กินจุขึ้น หรือไม่ก็เบื่ออาหารไปเลย แต่โชคดีมากครับที่น้องหมาส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแพ้ท้องแบบคน
น้องหมาตั้งท้องนานแค่ไหน
สุนัขใช้เวลาตั้งท้องเพียงแค่ 63-65 วันเท่านั้น ซึ่งในระหว่างนี้ เราก็ควรจัดเตรียมตัวหลายอย่าง เช่น พาสุนัขไปตรวจครรภ์ หาอาหารเพื่อบำรุงแม่สุนัข หรือ เตรียมพื้นที่เพื่อให้ลูกสุนัขอยู่
ใช่แล้วครับ เพียงแค่ 2 เดือนนิด ๆ หลาน ๆ ของคุณก็พร้อมจะลืมตาดูโลกแล้ว ซึ่งเราก็ต้องเตรียมตัวหลายอย่างเอาไว้รอทั้งคุณแม่และคุณลูก เพื่อไม่ให้เมื่อถึงวันคลอดเกิดความไม่พร้อม และนั่นจะหมายถึงหายนะเลยนะครับ
ในท้องน้องหมามีลูกกี่ตัว
โดยทั่วไปไม่ว่าจะน้องหมาสายพันธุ์ไหน ก็จะคลอดลูกครอกละหลายตัว แต่ก็มีสถิติว่าแม่หมาแต่ละสายพันธุ์จะให้กำเนิดลูกหมาจำนวนมากน้อยแตกต่างกันไปครับ เช่น
-พันธุ์ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian) มักจะมีลูกครอกละ 2 ตัว
-พันธุ์ปั๊ก (Pug) มักจะมีลูกครอกละ 2-3 ตัว
-พันธุ์พุดเดิ้ลทอย (Poodle Toy) มักจะมีลูกครอกละ 3 ตัว
-พันธุ์มิเนเจอร์พินช์เชอร์ (Miniature Pinscher) มักจะมีลูกครอกละ 3-4 ตัว
-พันธุ์ชิสุห์ (Shih Tzu) มักจะมีลูกครอกละ 3-4 ตัว
-พันธุ์พุดเดิ้ลมิเนเจอร์ (Poodle Miniature) มักจะมีลูกครอกละ 4 ตัว
-พันธุ์ค็อกเกอร์ สเปเนียล (Cocker Spaniel) มักจะมีลูกครอกละ 4-5 ตัว
-พันธุ์ดัชชุน (Dachshund) มักจะมีลูกครอกละ 4-5 ตัว
-พันธุ์บางแก้ว (Thai bangkaew) มักจะมีลูกครอกละ 5-6 ตัว
-พันธุ์บีเกิล (Beagle) มักจะมีลูกครอกละ 5-6 ตัว
-พันธุ์บ็อกเซอร์ (Boxer) มักจะมีลูกครอกละ 5-6 ตัว
-พันธุ์ดัลเมเชียน (Dalmatian) มักจะมีลูกครอกละ 5-6 ตัว
-พันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) มักจะมีลูกครอกละ 5-6 ตัว
-พันทางทั่วไป (พันทาง หรือพันธุ์ผสม) มักจะมีลูกครอกละ 6-8 ตัว
-พันธุ์ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback) มักจะมีลูกครอกละ 6-10 ตัว
-พันธุ์โดเบอร์แมน (Doberman) มักจะมีลูกครอกละ 7-8 ตัว
-พันธุ์โกลเดน รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) มักจะมีลูกครอกละ 7-8 ตัว
-พันธุ์ลาบาดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) มักจะมีลูกครอกละ 7-8 ตัว
-พันธุ์ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler) มักจะมีลูกครอกละ 7-8 ตัว
-พันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด (St. Bernard) มักจะมีลูกครอกละ 7-8 ตัว
-พันธุ์เยอรมัน เชเฟิร์ด (German Shepherd) มักจะมีลูกครอกละ 8 ตัว
พาน้องหมาไปฝากท้อง
เมื่อคุณสงสัยว่าน้องหมาตั้งท้อง ก็ควรพาไปฝากท้องที่คลินิกหรือโรงพยาบาลทันที เพื่อให้น้องหมาปลอดภัยและได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ซึ่งคุณหมออาจจะวินิจฉัยด้วยวิธีการเหล่านี้
–การอัลตราซาวด์ คือเมื่อลูกหมาอายุได้สัก 30 วันก็จะสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจลูกหมา
-การเอกซเรย์ คือเมื่อลูกหมาอายุได้ประมาณ 45 วันขึ้นไปก็จะเห็นหัวกะโหลกได้ชัดเจน
นอกจากนี้คุณหมอก็จะประเมินช่วงเวลาคลอดให้ และยังแนะนำเจ้าของเรื่องการดูแลแม่หมาด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่งเจ้าของควรรับฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามเจ้าของบางคนอาจข้ามเรื่องการฝากท้องน้องหมาเพื่อประหยัดงบ ซึ่งก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะถ้าคุณพอจะรู้ว่าน้องหมาตั้งท้องมานานเท่าไรแล้ว จะได้กะประมาณช่วงเวลาคลอดได้
บำรุงคุณแม่…เผื่อคุณลูกในท้อง
อาหารหลัก
อาหารหลักของคุณแม่หมาที่กำลังตั้งท้องก็คือ อาหารปกติที่เขาเคยกินอยู่นั่นแหละครับ แต่อาจจะเพิ่มโปรตีนที่ดีลงไปผสมกับอาหารเม็ด เช่น อกไก่ต้ม ไข่ต้ม ปลาแซลมอนต้มสุก ซึ่งคุณอาจจะต้องปรับปริมาณให้เขากินมากขึ้นอีกหน่อย และน้องหมาจะบอกคุณเองถ้าเขาต้องการอีก ดังนั้นคุณจึงต้องสังเกตอาการเขาให้ดี
อาหารเสริม
อาหารเสริมที่คุณควรให้น้องหมาตั้งท้องกิน ควรเป็นวิตามินหรืออาหารเสริมสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ เพื่อเสริมส่วนที่คาดว่าแม่หมาจะขาดเพราะต้องนำไปใช้เลี้ยงลูก และอาหารเสริมที่จำเป็นสำหรับแม่หมาที่กำลังตั้งท้อง เช่น
-วิตามินดี และแคลเซียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
-ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือดโดยเฉพาะวันคลอดที่จะต้องเสียเลือด
-วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงประสาทและสมอง และยังช่วยลดความเครียด ความเหนื่อยล้า จากการอุ้มท้องได้ด้วย
-กรดอะมิโนรวม ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอ
นวดบำบัดให้ผ่อนคลาย
ช่วงนี้น้องหมาตั้งท้องควรได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษครับ ดังนั้นการนวดผ่อนคลายให้เขา ก็จะช่วยให้น้องหมาเบาสบายตัว บรรเทาอาการปวดหลังเพราะต้องอุ้มท้องหนัก ๆ และยังช่วยให้สุขภาพจิตน้องหมาดีขึ้นด้วย
ข้อควรระวัง…อย่าทำกับน้องหมาตั้งท้อง
มีเรื่องที่ต้องระวังสำหรับน้องหมาที่กำลังตั้งท้องมาฝากครับ
-คุณไม่ควรพยายามคลำท้องน้องหมาบ่อย ๆ เพราะหากมือแรงเกินไปก็จะทำให้ลูกหมาได้รับอันตรายได้
-ระวังการแท้ง (abortion) ของน้องหมาด้วยนะครับ เพราะแม้แต่การติดเชื้อหรือภาวะโรคที่เป็นอยู่ ก็จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงการแท้งได้
-ลดกิจกรรมเสี่ยง ๆ กิจกรรมที่ต้องออกแรงสำหรับน้องหมาในช่วงนี้ เพียงแค่พาเขาไปเดินเล่นเบา ๆ ก็พอแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนกับน้องหมาในท้อง โดยเฉพาะช่วง 6 สัปดาห์แรก ควรงดกิจกรรมหนัก ๆ ไปเลยครับ เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกหมาโตไวจนตัวหนักมาก
สัญญาณเตือนก่อนคลอดแบบด่วน ๆ
ถ้าคุณนับวันแล้วรู้ว่าน้องใกล้คลอดแล้ว และเมื่อลองบีบหัวนมดู ปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมา แสดงว่าอีกไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน คุณก็จะได้อุ้มหลานแล้ว
เตรียมอะไรไว้ต้อนรับคุณแม่และคุณลูก
เจ้าของควรเตรียมการสำหรับน้องหมาตั้งท้องไว้แต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เมื่อคลอดแล้วไม่โกลาหลวุ่นวาย เช่น
-เบาะนอนนุ่ม ๆ สำหรับคุณแม่คุณลูก ที่สะอาดและปลอดภัย
-ผ้านุ่ม ๆ ไว้ซับทำความสะอาด
-พัดลมเปิดอ่อน ๆ เพื่อให้ระบายอากาศ
-นมแพะสำหรับบำรุงสุขภาพแม่หมา
-จัดที่ขับถ่ายให้น้องหมาห่างจากที่นอนพอสมควร เพื่อให้น้องหมามีสุขอนามัยที่ดี
จะคลอดที่ไหน กับคุณหมอ หรือทำคลอดเองที่บ้าน
ข้อดีของการทำคลอดกับคุณหมอ
-เจ้าของไม่ต้องกังวลว่าตนจะต้องรับหน้าที่เป็นหมอทำคลอดเสียเอง
-หากเกิดกรณีที่คลอดยาก คลอดผิดปกติ คุณหมอก็สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที
-คุณหมอจะดูแลแม่หมา และลูกหมาในเบื้องต้นหลังคลอด พร้อมทั้งแนะนำการดูแลให้เจ้าของด้วย
-หากจำเป็นจะต้องมีการรักษาต่อ คุณก็สามารถฝากน้องหมาที่สถานพยาบาลนั้นได้เลย
ข้อดีของการทำคลอดเองที่บ้าน
-แน่นอนว่าไม่เสียเงิน แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณหรือคนในบ้านมีประสบการณ์เคยทำคลอดน้องหมามาก่อน และรู้วิธีดูแลลูกหมาและแม่หมาหลังคลอด
-สะดวกเพราะไม่ต้องเคลื่อนย้ายน้องหมา คลอดตรงไหนก็สามารถนอนตรงนั้นได้เลย
-น้องหมาจะรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจเพราะอยู่ในที่ของเขาเอง
เทคนิคดูแลคุณแม่หมาหลังคลอด
มีเทคนิคดูแลน้องหมาหลังคลอดที่คุณควรใส่ใจ เช่น
-คุณควรเช็ดทำความสะอาดให้แม่หมาเสียก่อน
-จากนั้นเขาอาจจะกินน้ำหรือกินข้าวนิดหน่อยก็ตามใจเขา และเมื่อเขาเพลียก็ปล่อยให้เขาหลับยาว ๆ
-ระหว่างนี้คุณยังไม่ควรรีบแยกลูกหมาจากแม่หมา เพราะแม่หมาจะยังหวงลูกมาก นอกจากว่าน้องหมาคุณไม่หวง คุณก็สามารถแยกลูกหมาออกมา เพื่อให้แม่หมาได้พักผ่อนเต็มที่
-ให้คุณคอยสังเกตว่าแม่หมามีอาการผิดปกติหลังคลอดหรือไม่ เพราะแม่หมาที่คลอดลูกแล้วก็อาจจะเสี่ยงกับอาการเหล่านี้ เช่น มดลูกอักเสบ เต้านมอักเสบ ไข้น้ำนม (milk fever) ซึ่งมาจากระดับแคลเซียมในเลือดแม่หมาต่ำลงทันที
เทคนิคดูแลลูกหมาแรกคลอด
มีเทคนิคดูแลลูกหมาหลังคลอดที่เจ้าของควรรู้มาฝาก เพราะน้องหมาแรกเกิดยังอ่อนแอมาก ดังนั้นคุณจึงควรนำคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ เช่น
-หากน้องหมาไม่กินนมแม่ หรือกินนมแม่ไม่พอ คุณอาจต้องช่วยป้อนนมแพะให้น้องหมาด้วย
-ถ้าน้องหมาไม่ยอมถ่าย คุณสามารถกระตุ้นการถ่ายโดย หลังอาหารให้คุณนำสำลีชุบน้ำอุ่น แล้วนำมาเช็ด ตามหน้าตามตัว ท้อง และอวัยวะเพศลูกหมา
-ลูกหมาแรกเกิดควรอยู่ในอุณหภูมิที่ค่อนข้างอุ่น คือประมาณ 32 องศาเซลเซียส แต่ถ้ามีลูกหมาหลายตัวคุณอาจทำให้ห้องเย็นขึ้นด้วยการเปิดพัดลมหรือแอร์ช่วย แต่การเปิดพัดลมจะต้องไม่ให้โดนตัวลูกหมาตรง ๆ เพราะลูกหมาจะป่วยง่าย
-การจัดแสงไฟในห้องนอนน้องหมา คุณควรให้มีแสงไฟเพียงมุมเดียว เพราะลูกหมามักจะหลบแสงไฟที่จ้าเกินไป ดังนั้นจึงมักจะเห็นว่าลูกหมาจะชอบไปนอนกองรวมกันในที่ที่มืดกว่า
-หากคุณมีเครื่องชั่งดิจิตอล ลองชั่งน้ำหนักตัวลูกหมาทุกวันแล้วบันทึกไว้ ก็จะได้รู้ว่าตัวไหนมีพัฒนาการในการเจริญเติบโตดีที่สุด และตัวไหนอาจต้องการการขุนเป็นพิเศษ
– ลูกสุนัขในช่วงแรก ร้องบ่อย แถมร้องตอนกลางคืนด้วย ไม่ต่างจากเด็กทารกเลย ในส่วนนี้เราก็เตรียมตัวไม่ได้นอนไว้นะครับ หากมีภาระอะไรก็ทำให้เสร็จก่อนมีลูกหมา จะได้ไม่ต้องอดหลับอดนอน
มีงบเลี้ยงลูกสุนัขพอแล้วหรือยัง?
สิ่งสำคัญที่คุณจะทำเป็นลืมไม่ได้เลยก็คือ เมื่อน้องหมาของคุณคลอดหลาน ๆ ออกมาแล้ว คุณมีงบประมาณสำหรับเจ้าตัวน้อยทั้งหลายแล้วหรือยัง ลองคำนวณดูสิครับว่าคุณจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และคูณจำนวนลูกหมาเข้าไปเลย ซึ่งบางทีคุณอาจจะตกใจว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงชีวิตเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เล่นเลย และคำนวณอย่างเดียวไม่พอครับ ถึงเวลาต้องรีบปั๊มเงินมาเลี้ยงเจ้านายตัวน้อย ๆ แบบด่วน ๆ แล้วละครับ
หากจะแบ่งปันลูกหมาควรทำอย่างไรดี
เป็นไปได้ว่าเมื่อคุณคิดอย่างถ้วนถี่แล้วก็พบว่า คุณไม่น่าจะเลี้ยงลูกหมาทั้งหมดไหว การจัดสรรน้องหมาไปตามบ้านต่าง ๆ อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่คุณควรสนใจ เช่น ให้ญาติ เพื่อน คนรู้จัก หรือนำไปโพสต์หาบ้านตามกลุ่มหรือเพจต่าง ๆ ซึ่งคุณควรมีเงื่อนไขในการส่งต่อน้องหมาให้ผู้อุปการะ โดยวางกฎเกณฑ์อย่างรัดกุม แม้จะดูเวอร์ไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าให้น้องหมาไปอยู่ในมือคนใจร้ายนะครับ
แต่สิ่งที่ไม่แนะนำเลยก็คือ การขายครับ เพราะคุณไม่ควรขายชีวิตสัตว์ โดยเฉพาะชีวิตน้อย ๆ ที่มาจากเลือดเนื้อของน้องหมาคุณเอง การให้ลูกหมาแบบฟรี ๆ กับผู้ที่พร้อมจะรับผิดชอบ และรักน้องหมาจริง ย่อมจะทำให้คนให้ก็สบายใจ คนรับไว้ก็มีความสุข (อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ เห็นต่างก็ไม่ว่ากัน)
คุณคงเห็นแล้วว่าแม้แต่น้องหมาตั้งท้อง เจ้าของก็ยังต้องเตรียมการรับมือไม่แพ้ลูกคน ดังนั้นถ้าคุณได้วางแผนก่อนคลอดให้ดี และเตรียมงบประมาณค่าใช้จ่ายรอไว้ คุณก็จะไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะเมื่อน้องหมาคลอดแล้ว คุณจะแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลยละครับ ไหนจะต้องฟื้นฟูดูแลคุณแม่หมาหลังคลอด ไหนจะต้องรับมือกับเจ้าลูกหมาตัวยุ่งอีก ดังนั้นถ้าตอนนี้ยังพอมีเวลา ก็ลิสต์รายการสิ่งที่คุณจะต้องทำ และจัดการไว้แต่เนิ่น ๆ ได้เลย เพราะเผลอแป๊บเดียว คุณก็จะได้อุ้มหลานแบบไม่ทันตั้งตัวเลยละครับ