พิทบูล(บูลลี่) บูลด็อก กับ เฟรนช์ บูลด็อก ต่างกันยังไง


พิทบูล

หลายคนอาจยังแยกไม่ออกว่า พิทบูล(บูลลี่) บูลด๊อก และเฟรนช์ บูลด๊อก เป็นสุนัขพันธุ์เดียวกันหรือไม่ และพวกเขามีความแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้จะบอกความต่างของสุนัข 3 พันธุ์นี้อย่างเด่นชัด

พิทบูล(บูลลี่) บูลด็อก กับ เฟรนช์ บูลด็อก ต่างกันยังไง

อย่างแรกเลยสิ่งที่สุนัข 3 สายพันธุ์นี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั่นก็ คือ รูปร่างลักษณะภายนอกที่ไม่เหมือนกันเลย แม้โดยรวมจะคล้ายคลึงกันก็ตาม

ความสูง – พิทบูลหรือบูลลี่ มีรูปร่างที่สูงใหญ่ ดูบึกบึนกว่า รองลงมา เป็นบูลด๊อกจะตัวเตี้ยล่ำสัน ส่วนเฟรนช์ บูลด็อก ตัวเล็ก ป้อมๆ รูปร่างไม่กำยำมากนัก

หน้าตา – บูลด๊อก จะหน้าย่นสุด ส่วนพิทบูลจะผิวหน้าไม่ย่นเท่าไรแต่จะดูน่าเกรงขาม ส่วนเฟรนช์ บูลด็อก มีใบหูที่ใหญ่กว่าคล้ายใบหูของค้างคาว

เฝ้าบ้านป้องภัย – ต้องยกให้พิทบูล ทำหน้าที่ปกป้องเจ้านายได้ดีที่สุด คล้ายยามรักษาความปลอดภัย ส่วนบูลด๊อกและเฟรนช์ บูลด็อก อาจจะเป็นมิตรกับคนแปลกได้

ทีนี้มาดูกันว่าแต่สุนัขทั้ง 3 พันธุ์นี้มีความเหมือนหรือแตกต่างกันตรงไหนบ้าง

พิทบูลหรือบูลลี่

เมื่อพูดถึงสุนัข พิทบูล หรือ บูลลี่ ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นสุนัขที่ดุร้าย เพราะมีรูปร่างที่บึกบึน แข็งแรง บ้าพลังมาก แต่จริงๆแล้ว สุนัขสายพันธุ์นี้หากเราเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี เขาจะเป็นสุนัขที่อ่อนโยน แถมยังขี้เล่น เชื่อฟังคำสั่งเจ้าของแบบว่านอนสอนง่ายอีกด้วย

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักสุนัขพันธุ์นี้กันก่อนดีกว่า สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ก็คือสุนัขพันธุ์พิทบูล สายหนึ่ง ซึ่งมีนิสัยนักล่า มีพลังมาก และควบคุมให้เชื่อฟังยาก ต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์นี้ให้มีความดุร้าย หึกเหิมน้อยลง เข้ากับคนได้ง่ายขึ้น จึงกลายมาเป็น อเมริกันบูลลี่ นั่นเอง

รูปร่างลักษณะ สันทัด กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัดซึ่งจะเห็นเด่นชัดมาก ทำให้ดูสง่าน่าเกรงขาม โครงสร้างทางกายภาพมีกระดูกที่ใหญ่ หัวโตแต่กระบอกปากสั้นและใหญ่ ถึงแม้จะมีรูปร่างที่ไม่สูงแต่ก็มีความปราดเปรียว คล่องแคล่ว ว่องไว สามารถกระโดดได้สูงหลายเมตรเลยทีเดียว ส่วนใหญ่บูลลี่จะมีขนสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม สีดำ สีขาว และสีเทา แล้วแต่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่ผสมมา

นิสัยใจคอของพิทบูล(บูลลี่)จัดได้ว่าเป็นสุนัขที่มีความฉลาด เรียนรู้เร็ว มีความเป็นมิตร อ่อนโยน ไม่ดุร้ายหรือก้าวร้าว อีกทั้งยังขี้เล่นช่างประจบเอาใจเจ้าของเป็นที่สุด และชอบชวนให้เล่นด้วยกัน ด้วยการโยนของเล่นไปมา ซึ่งเขาต้องการจะสื่อว่า มาเล่นเถอะ หากมีคนแปลกหน้าไม่น่าไว้ใจมาป้วนเปี้ยน เขาก็เห่าไม่ยั้ง ช่วยเตือนให้เราระวังอันตรายได้

การดูแลเอาใจใส่ อาหารควรเน้นประเภทโปรตีนเพื่อบำรุงกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ซึ่งได้แก่ เนื้อวัว อกไก่ น่องไก่ อย่าให้กระดูก เพราะอาจทำให้กระเพาะเป็นแผลได้ นอกจากนี้ควรให้พร้อมกับอาหารเม็ดเพราะมีครบทุกหมู่ ควรหมั่นพาเขาไปออกกำลังอย่างสม่ำเสมอด้วย

เนื่องจากพิทบูล(บูลลี่)เป็นสุนัขที่มีพลังมาก หากไม่ได้รับการเอาใจใส่ดูแลเท่าที่ควร ปล่อยให้เขานอนมากกว่าทำกิจกรรม จะทำให้เกิดความเครียดกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าว ดุร้ายได้ เจ้าของควรพาเขาไปวิ่งออกกำลังกาย หรือพาไปเดินเล่นเป็นประจำ เพียงแค่นี้ก็ช่วยเขาคลายเครียดแล้ว และสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอ จะทำให้เขาเป็นสุนัขที่มีสุขภาพจิตที่ดี

บูลด๊อก

สำหรับสุนัขพันธุ์บูลด๊อก ต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้อยู่ที่อังกฤษ ซึ่งกลายพันธุ์มาจาก Tibetan Mastiff  รูปร่างลักษณะภายนอก ถือว่าเป็น สุนัขที่มีรูปร่างที่แข็งแรง บึกบึน ส่วนหัวใหญ่ แต่ลำตัวสั้น มีใบหน้าย่น และห้อยลงมา มีขนที่สั้น เรียบแต่อ่อนนุ่ม สีขนส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาลแก่และสีน้ำตาลอ่อนสลับกัน ส่วนสีที่หายากและมีราคาสูงคือสีเทาเข้ม

ส่วนนิสัยของบูลด๊อกจะนิ่งๆ เป็นมิตร ร่าเริง ไม่เหมือนหน้าตาที่ดูเหมือนจะดุร้าย แต่ตรงข้ามกลับขี้เล่นเหลือเกิน ชอบวิ่งเล่น ชอบทำกิจกรรม แถมบางทีเหมือนกับเชื่องช้าในบางเวลา เหมาะที่จะเป็นหนึ่งในสมาชิกในครอบครัว เพราะเขาสามารถเฝ้าระวังภัยให้เราได้ หากมีใครดูไม่น่าไว้ใจ เขาจะเห่าเตือนภัยเรา แต่บางครั้งเขาก็อาจจะเป็นมิตรเข้าไปเล่นกับคนแปลกหน้าได้เช่นกัน

การดูแลเอาใจใส่ บูลด๊อก ในเรื่องของอาหารถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าให้อาหารที่ถูกหลัก เขาก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง และมีอายุยืนยาว ควรให้อาหารธรรมชาติ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู ที่สุก อย่าปรุงให้มีรสเค็มเด็ดขาด ร่วมด้วยอาหารเม็ดโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเกรดพิเศษเสมอไป และไม่ควรให้แต่อาหารเม็ดอย่างเดียว เพราะจะมีผลในระยะยาว โดยให้วันละ 2 มื้อ การพาเขาไปออกกกำลังกาย ควรเดินวิ่งเล่น ไม่เกิน 20 นาที ก็เพียงพอแล้ว

บูลด๊อกเป็นสัตว์ขี้ร้อน ควรให้เขาอยู่ในที่มีลมพัด อากาศถ่ายเทได้ดี หรืออยู่ในห้องแอร์จะดีมาก เพราะเขามีโอกาสเป็น Stoke ง่ายมาก และควรอาบน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็พอ อย่าลืมทำความสะอาดใบหูด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ไม่ต้องทำ คือการพาไปฉีดวัคซีนเป๋นประจำทุกปี เพื่อให้เขามีสุขภาพที่ดีอยู่กับเราไปนานๆ

เฟรนช์ บูลด็อก

สุนัขพันธุ์นี้ถือว่าเป็นที่นิยมเลี้ยงในไทยมากที่สุดสายพันธุ์หนึ่งเลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะมี รูปร่างเล็ก ป้อมๆ น่ารัก แถมยังขี้เล่น ทำให้หลายคนหลงรักได้ง่ายๆ ทราบหรือไม่ว่าต้นกำเนิดของเฟรนช์ บูลด๊อก มาจากไหน

 เฟรนช์ บูลด็อก เป็นการผสมพันธุ์ของ  English bulldog และ Boston Terriers ถือกำเนิดในประเทศฝรั่งเศส จึงได้ที่มาของชื่อว่า French Bulldog แต่ปรากฏว่าสุนัขพันธุ์นี้กลับเป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศอเมริกา ต่อมามีการปรับปรุงสายพันธุ์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ มีหลากหลายสีมาก เช่น สีดำ สีเทา สีขาว สีครีม เป็นที่นิยมเลี้ยง มีขนสั้น จมูกสั้นและหน้าย่นเล็กน้อย ทำให้เวลาหายใจจะมีเสียงดังออกมาตลอดเวลา ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ใบหูคล้ายค้างคาว มีปากกว้างทำให้ดูเหมือนเขายิ้ม อารมณ์ดี ที่สำคัญลักษณะเฉพาะตัวของ เฟรนช์ บูลด็อก คือ เวลาเดินสะโพกเหมือนจะส่ายไปมา ทำให้น่าชวนมองยิ่งนัก

สำหรับนิสัยจริงๆของเฟรนช์ บูลด็อก นั้นเรียบร้อย อ่อนโยน ไม่ก้าวร้าวเลย เป็นมิตรกับทุกคน และเขาชอบให้เจ้าของเอาใจใส่มากๆไม่ชอบการอยู่ตัวเดียว ฉะนั้นจำเป็นที่จะต้องพาเขาไปออกกำลังกาย เดินเล่น เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดและนำไปสู่นิสัยที่ก้าวร้าวได้

สิ่งหนึ่งที่คนเลี้ยงต้องทำใจ คือ เสียงกรนที่ดัง เหตุที่เขานอนกรนดังเป็นเพราะระบบหายใจมีปัญหาเนื่องจากมีโครงจมูกที่สั้น จึงจำเป็นที่ต้องให้เขาอยู่ในที่ร่มหรืออยู่ในห้องแอร์จะดีกว่า และนิสัยเด่นเฉพาะตัวของ เฟรนช์ บูลด็อก ที่ไม่เหมือนสุนัขพันธุ์อื่น นั่นคือ เป็นสุนัขช่างพูดแต่ไม่ใช่สุนัขช่างเห่า ไม่ว่าเจ้าของจะพูดอะไร เขาสามารถตอบหรือพูดคุยกับคุณรู้เรื่องไปหมด และคุณไม่เหงาแน่เพราะเขาเป็นสุนัขที่บ่นเก่งมาก

สำหรับการเลี้ยงดู เฟรนช์ บูลด็อก ในเรื่องของอาหารที่ให้เขากินในแต่ละวัน ควรดูที่รูปร่าง อายุ และกิจกรรมที่เขาได้ทำใน 1 วันมากน้อยเพียงใด โดยเฉลี่ยแล้วควรให้อาหารเม็ดวันละ 2 มื้อ ในแต่ละมื้อควรให้ประมาณ 1 – 2 ถ้วย หรือสลับให้เนื้อสัตว์บ้าง เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน ส่วนการดูแลทำความสะอาดของ เฟรนช์ บูลด็อก ควรอาบน้ำเป็นประจำทุกๆเดือน และควรใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพขนของเขาด้วย เพื่อให้มีสุขภาพผิวหนังที่ดี และมีขนที่สวยงาม

อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำด้วย ควรทำความสะอาดใบหูให้สะอาดป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสะสมในนั้น และควรทาน้ำมันที่หูกับจมูกเพื่อให้ความมีชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนเล็บลืมไม่ได้เด็ดขาดต้องตัดให้สั้นเป็นประจำเพราะถ้าปล่อยให้ยาวอาจหักหรือเล็บฉีกจนบาดเจ็บได้

ทั้งหมดนี้ คือ ความแตกต่างของสุนัข 3 สายพันธุ์ คือ พิทบูลหรือบูลลี่ บูลด๊อก และเฟรนช์ บูลด็อก แต่สิ่งที่เหมือนกันนั่นคือ ความซื่อสัตย์ รักเจ้าของ และต้องการความเอาใจใส่ ดังนั้นหากใครกำลังมองหาอยากจะเลี้ยงสุนัข 3 พันธุ์นี้อยู่อาจจะพอเป็นแนวทางที่ตัดสินใจว่าพันธุ์ไหนตอบโจทย์คุณได้มากที่สุดนะครับ

บทความล่าสุด