สุนัข K9 คือะไร – รู้จักสุนัขตำรวจ ที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่จับผู้ร้าย


สุนัข K9 คือะไร – รู้จักสุนัขตำรวจ ที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่จับผู้ร้าย

โลกเราไม่ได้มีเพียงน้องหมาที่เลี้ยงไว้แก้เหงา หรือแค่เป็นเพื่อนเล่นเท่านั้นครับ ยังมีน้องหมาอีกประเภทที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในงานราชการโดยเฉพาะ เพราะน้องหมาบางสายพันธุ์มีศักยภาพในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ

สุนัข K9 คือะไร – รู้จักสุนัขตำรวจ ที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่จับผู้ร้าย

สุนัข K9 (เค-ไนน์) คือ สุนัขที่ถูกฝึกฝนในงานของตำรวจ ทหาร และ หน่วยงานต่าง ๆ K9 เป็นการเล่นคำย่อของคำลาติน “Canine” หมายถึงสัตว์ในตระกูลสุนัข โดยสุนัข K9 ส่วนมากจะรวมถึงสายพันธุ์ที่ฉลาด มีสมาธิสูง และ สามารถถูกฝึกให้มีวินัยต่างๆได้

ซึ่ง “สุนัข K9” หรือสุนัขตำรวจ นี่ล่ะครับถือเป็นตัวอย่างที่ดี ของการนำความสามารถที่แฝงอยู่ในตัวน้องหมา มาใช้ประโยชน์เพื่อการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ และหากคุณได้ทำความรู้จักเหล่าสุนัข K9 สุดเท่นี้แล้วบอกเลยครับว่าคุณจะหลงรักพวกเขา และรู้สึกทึ่งกับความเก่งกาจ ที่มนุษย์อย่างเรา ๆ ยังไม่อาจเทียบได้เลยครับ

สุนัขตำรวจมีสายพันธุ์อะไรบ้าง

 โดยทั่วไปแล้วสุนัขตำรวจ หรือสุนัข K9 ทั่วโลกก็จะเน้นที่ 5 สายพันธุ์เจ๋ง ๆ ดังนี้ครับ

1. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ คือน้องหมาอเนกประสงค์ เพราะทำได้สารพัด ทั้งเป็นเพื่อนแสนดีเหมาะจะเลี้ยงในบ้าน และยังช่วยเหลือในงานต่าง ๆ ได้ดี เช่น เป็นน้องหมาบริการผู้ทุพพลภาพ อย่างผู้พิการทางสายตา ผู้พิการแขนขา เป็นน้องหมาช่วยบำบัดจิตใจ

ที่สำคัญคือเขาเป็นสุนัข K9 ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เนื่องจากมีความเฉลียวฉลาด ฝึกสอนง่าย เชื่อฟังครูฝึก คอยได้นาน สะกดรอยตามเก่ง มีจมูกที่ดีเยี่ยม เหมาะจะใช้เขาช่วยค้นหาวัตถุระเบิดยาเสพติด และยังใช้ได้ดีในงานกู้ภัย และค้นหาผู้รอดชีวิตด้วย

นอกจากนี้ด้วยความที่เขาเป็นน้องหมาที่ว่ายน้ำเก่ง และมีขนสองชั้นช่วยกันความหนาวเย็นได้ดี จึงเหมาะอย่างยิ่งจะใช้ในงานค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำ 

2. เยอรมัน เชพเพิร์ด (German Shepherd)

คนไทยจะนิยมเรียกน้องหมา “เยอรมัน เชพเพิร์ด” ว่า  “อัลเซเชี่ยน”  มากกว่า และเรายังพบเขาได้ตามสถานที่ต่าง ๆ พร้อมตำรวจเสมอ เนื่องจากเขาเป็นน้องหมาที่มีสัญชาตญาณที่ดี ตอบสนองสิ่งต่าง ๆ ได้ไว เฉลียวฉลาด แต่ก็เชื่อฟังครูฝึกมาก ไม่ตื่นเต้นตกใจง่าย สงบเยือกเย็น จึงเหมาะจะใช้ในงานควบคุมฝูงชน หรือในบริเวณที่เสียงอึกทึกครึกโครม  

รวมทั้งเยอรมัน เชพเพิร์ดยังนิยมใช้ในงานอารักขา ตรวจตราความเรียบร้อย งานรักษาความปลอดภัยทั่วไป และการตรวจค้นหาวัตถุระเบิดด้วย นอกจากนี้ในต่างประเทศยังมีการพัฒนาสายพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ดเพื่อใช้ในงานทหารและตำรวจมากว่าร้อยปี จึงทำให้ปัจจุบันน้องหมาสายพันธุ์นี้เหมาะจะเป็นสุนัข K9 อย่างยิ่ง

3. เบลเจียน มาลินอยส์ (Belgian Malinois)

 หน้าตาน้องหมาเบลเจียน มาลินอยส์ จะดูคล้ายเยอรมัน เชพเพิร์ด มาก เพียงแต่จะมีขนาดเล็กกว่า แต่บอกเลยครับว่าความสามารถของเขาไม่เป็นรองใครเลย เพราะน้องหมาเบลเจียน มาลินอยส์ เป็นสุนัข K9 ที่มีความกล้าหาญ ฉลาดแต่เชื่อฟัง ไม่ก้าวร้าว จึงนิยมใช้ในงานภาคสนาม จะเคลื่อนย้ายก็สะดวกรวดเร็ว

และเมื่อใช้ในงานอารักขา ผู้คนก็จะไม่รู้สึกตกใจ เพราะเขาเป็นน้องหมาที่มีขนาดปกติ ไม่ได้ดูใหญ่โตน่ากลัวแบบเยอรมัน เชพเพิร์ด

นอกจากนี้น้องหมาเบลเจียน มาลินอยส์ยังเหมาะจะใช้ในงานค้นหาวัตถุระเบิด สะกดรอยตาม จับคนร้าย และทำงานต่าง ๆ แทนเยอรมัน เชพเพิร์ดได้ดี เพราะขนาดเล็กทำให้มีความคล่องตัวมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าไปทำงานตามป่าเขา ที่ที่เข้าถึงยากน้องหมาเบลเจียน มาลินอยส์จัดให้ได้หมดครับ

4. ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)

 ร็อตไวเลอร์คือสายพันธุ์สุนัข K9 ที่เรียกได้ว่าอเนกประสงค์อีกเช่นกัน ซึ่งแม้คนส่วนใหญ่จะมีภาพซึ่งฝังหัวว่าร็อตไวเลอร์คือสุนัขที่กัดเด็กตาย มีความดุร้ายก้าวร้าวสูง แต่ความจริงก็คือ เขาไม่ใช่สุนัขที่ควรเลี้ยงตามบ้านทั่วไป หากผู้เลี้ยงไม่เข้าใจสายพันธุ์ของเขาอย่างแท้จริง ก็จะเกิดอันตรายได้

แต่ร็อตไวเลอร์คือสายพันธุ์ที่เหมาะอย่างยิ่งจะใช้เป็นสุนัข K9 เพราะเขามีความกระตือรือร้น ตั้งใจมุ่งมั่น เฝ้าระวังสูง เชื่อฟังคำสั่งครูฝึกมาก มีพละกำลังมหาศาล สามารถลากจูงของหนัก ๆ ได้ดี จึงเหมาะจะใช้ในงานกู้ภัย รวมทั้งงานทั่วไปของตำรวจและทหาร เช่น เฝ้ายาม งานอารักขา ค้นหาผู้รอดชีวิต  

5. บีเกิล (Beagle)

สำหรับบ้านเราการนำ “บีเกิล” หมาน้อยน่ารักมาใช้ในงานสุนัข K9 ไม่เป็นที่นิยมครับ แต่สำหรับในต่างประเทศกลับได้รับความนิยมสูง เพราะแม้เขาจะเป็นน้องหมาที่มีขนาดเล็ก แต่ใจกลับใหญ่ไม่แพ้น้องหมาโต ๆ เลย

บีเกิลมีนิสัยตื่นตัวเสมอ กระตือรือร้น สะกดรอยเก่ง ดมเก่งมาก จึงนิยมใช้ในงานดมยาเสพติด ค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย สะกดรอยตามคนร้าย และด้วยความที่เขาดูน่ารักเป็นมิตร เมื่อนำเขาไปทำงานในที่ชุมชน จึงไม่สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน ดังนั้นเราจึงมักพบน้องบีเกิล K9 ทำงานตามสนามบินต่าง ๆ   

การใช้งานสุนัข K9 ในด้านต่าง ๆ

การฝึกสุนัข K9 มีจุดประสงค์ฝึกฝนเพื่อใช้ในงานด้านการทหาร ตำรวจ และกู้ภัยต่าง ๆ โดยเฉพาะ เช่น

-อารักขาบุคคลสำคัญ

-ลาดตระเวน โดยเฉพาะในการทหารเมื่อต้องเข้าไปในเขตอันตราย

-เฝ้ายามตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งจะเน้นน้องหมา K9 ที่สงบ รอนาน ๆ ได้ดี
-สะกดรอยตามคนร้าย ซึ่งเมื่อน้องหมาพบสัญญาณของคนร้าย น้องหมาจะถูกฝึกให้ส่งสัญญาณเงียบ คือยืนนิ่ง หูตั้ง ขนพอง หางตั้งขึ้น

-ค้นหาสิ่งต้องสงสัย เช่น วัตถุระเบิด ยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย จึงต้องเน้นสุนัขที่ดมเก่ง และกรณีที่ไม่ใช่วัตถุระเบิดเขาจะต้องคาบเอาสิ่งนั้นออกมาได้ แต่หากเป็นระเบิดน้องหมาจะหมอบนิ่ง แลเฝ้าบริเวณนั้นเพื่อดูแลความปลอดภัย

-ค้นหาผู้รอดชีวิต หรือผู้สูญหายในสถานการณ์ต่าง ๆ จึงต้องเน้นน้องหมาที่ทำงานเก่งและเห่าเสียงดังด้วย เพื่อเรียกให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยผู้รอดชีวิตได้เร็วที่สุด

-จู่โจมคนร้าย หรือเข้ากัดคนร้าย ซึ่งสุนัข K9 จะถูกฝึกมาให้กัดอวัยวะบางจุดของคนร้าย เพียงเพื่อสกัดให้หยุด มิได้เพื่อทำร้ายจนถึงตายครับ

ทำความรู้จักสุนัขตำรวจของไทย

สมัยพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจในอดีต ท่านถือเป็นผู้ริเริ่มให้ตำรวจไทยไปเรียนการฝึกสุนัขตำรวจที่ต่างประเทศ จากนั้นก็นำสุนัขตำรวจกลับมาด้วย ทั้งยังนำความรู้ที่ได้มาเผยแพร่จวบจนทุกวันนี้

ปัจจุบันสุนัขตำรวจ K9 ยังได้รับการติดยศไม่แพ้สุนัข K9 ของต่างประเทศ เพราะถือว่าพวกเขาคือวีรบุรุษผู้เสียสละไม่แพ้คน ดังนั้นตอนนี้เราจึงมีสุนัขตำรวจที่ติดยศมากมาย ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบโดยเฉพาะจะพิจารณาจากผลการทำงาน และอายุงาน โดยไล่จากยศต่ำสุดไปหาสูงสุด คือยศสุนัขตำรวจตรี  สุนัขตำรวจโท และสุนัขตำรวจเอก 

สุนัขทหารของไทย

สุนัข K9 ที่ใช้ในวงการทหารของไทย นิยมใช้ในงานต่าง ๆ เช่น ประจำที่ตรวจการณ์ งานลาดตระเวน เช่น ค้นหาวัตถุระเบิด ค้นหาอาวุธที่ซ่อนไว้ ค้นหาพลซุ่มยิง โดยเน้นให้สุนัขช่วยเตือนภัย

นอกจากนี้สุนัขทหารของไทยก็ยังทำหน้าที่อื่น ๆ อีก เช่น สุนัขยามสายตรวจ อารักขา ควบคุมฝูงชน (ม็อบ) สะกดรอย ตรวจค้นยาเสพติด ตรวจค้นทุ่นระเบิด ตรวจค้นอุโมงค์ ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย

คุณสมบัติของสุนัข K9

มีจุดประสงค์ในการฝึกสุนัข K9 เพื่อการต่าง ๆ โดยเฉพาะ แต่หากขึ้นชื่อว่าสุนัข K9 แล้ว ไม่ว่าจะเพื่อวัตถุประสงค์ใด อย่างน้อยเขาก็จะต้องมีคุณสมบัติในการเป็นสุนัข K9 ดังนี้ครับ

-เป็นน้องหมาตัวผู้เท่านั้น เพราะถ้ามีสุนัข K9 ตัวเมีย จะทำให้ตัวผู้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ แต่หากมีความจำเป็นหรือขาดแคลนจริง ๆ ก็จะมีน้องหมา K9 ตัวเมีย ทำหน้าที่ด้วย ซึ่งพบได้น้อยมาก ๆ  

-น้องหมาจะต้องมีอายุ 4-6 เดือน

-มักจะเป็นสายพันธุ์ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น

-สามารถผ่านการทดสอบลักษณะนิสัยความตื่นตัว และความว่องไวต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ
-นิสัยสุนัข K9 ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเชื่อฟังครูฝึกหรือเจ้านายมาก

-มีความกล้าหาญแต่ไม่ก้าวร้าว

-มีความสามารถในการรับรู้ได้ดี โดยเน้นใช้งานให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว เช่น ตาดี ดมเก่ง หูไว 

-มีสมาธิ ไม่วอกแวก มุ่งอยู่กับงานของตนเท่านั้น

เมื่อน้องหมาผ่านการทดสอบแล้ว ก็จะขึ้นทะเบียนเป็นสุนัขทหาร และถูกส่งตัวไปฝึกเป็นสุนัข  K9 อย่างเต็มตัวต่อไป

สุนัข K9 ต้องฝึกเรื่องอะไรบ้าง (ฝึกอย่างไรบ้าง)

สุนัข K9 ส่วนใหญ่มักจะเริ่มต้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและศูนย์การสุนัขทหาร (กรมการสัตว์ทหารบก) โดยจะเป็นผู้เลือกสุนัขที่ตรงตามคุณสมบัติที่กล่าวไว้ และปัจจุบันยังรับลูกสุนัขจากแผนกผสมพันธุ์เพื่อผลิตน้องหมาทหารโดยเฉพาะ ซึ่งแผนกนี้ตั้งอยู่ที่ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา

สุนัข K9 จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะความสามารถต่าง ๆ โดยแยกฝึกตามหน้าที่ของแต่ละตัว ซึ่งครูฝึกของโรงเรียนฝึกสุนัขทหาร จะคอยสังเกตว่าน้องหมาตัวนั้นมีความสามารถใด ตอบสนองกับสิ่งไหน และเหมาะจะใช้งานในด้านใดเป็นพิเศษ เพื่อฝึกเขาให้มุ่งไปที่ทักษะนั้น ๆ โดยเฉพาะ เช่น สุนัขเฝ้ายาม สุนัขสะกดรอย สุนัขตรวจค้นทุ่นระเบิด สุนัขลาดตระเวน สุนัขตรวจค้นยาเสพติดให้โทษ  

โดยทั่วไปสุนัข K9 ในโรงเรียนฝึกสุนัขทหาร จะต้องฝึกฝนทักษะพื้นฐานต่าง ๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ 1-16 (ประมาณ 4 เดือน) โดยฝึกตั้งแต่เช้ามืดจนตกเย็น ดังนี้

  • สัปดาห์ที่ 1-2 จะฝึกทำความคุ้นเคย ฝึกคำสั่งพื้นฐานเพื่อให้สุนัขรู้จักเชื่อฟัง  
  • สัปดาห์ที่ 3-12 จะฝึกแยกตามประเภทหน้าที่ของน้องหมาตัวนั้น ๆ
  • สัปดาห์ที่ 13-16 จะฝึกภาคสนามหรือนอกสถานที่

สุนัข K9 ที่ครูฝึกกำหนดแล้วว่าจะให้เขาทำหน้าที่ใดเป็นพิเศษ ก็จะมีการฝึกบางอย่างที่แตกต่างกันไป เช่น

-สุนัข K9 เฝ้ายาม หรือการอารักขา จะเน้นฝึกคำสั่งพื้นฐาน “ชิด นั่ง คอย หมอบ” และครูฝึกจะกระตุ้นความดุและความกล้าในตัวน้องหมาด้วยการให้กัดกระสอบ เพื่อยั่วยุให้เขาเกิดแรงขับ หากเกิดสถานการณ์จริงที่อาจมีผู้ร้ายเข้าจู่โจม นอกจากนี้ยังต้องฝึกเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติ และต้องจู่โจมเมื่อได้รับคำสั่งแล้วเท่านั้น  

-สุนัข K9 เพื่อตรวจค้นทุ่นระเบิด ยาเสพติด หรือสิ่งอื่น ๆ จะต้องฝึกเรื่องการดมกลิ่นเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงต้องฝึกการแยกกลิ่นให้ได้ คือต้องรู้จักจำกลิ่นตัวเอง ครูฝึก และคนอื่นได้ ทั้งยังต้องแยกกลิ่นแปลกปลอมหลากหลายประเภทได้   

-สุนัข K9 สะกดรอย ต้องเน้นฝึกเรื่องความคล่องตัว เรียนรู้เส้นทางการหลบหนีของคนร้าย

-สุนัข K9 ลาดตระเวน ต้องเน้นฝึกเรื่องการเรียนรู้ตำแหน่งของคนร้าย อุปกรณ์กำบังหรือพรางตัวของคนร้าย และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อตรวจพบความผิดปกติ น้องหมาจะต้องแจ้งด้วยวิธีสื่อสารที่เงียบที่สุด เพื่อไม่ให้คนร้ายไหวตัว ซึ่งจะเป็นการนั่งลงเบา ๆ หรือสัญญาณอื่นตามที่ฝึกกันมา  

หลังจากน้องหมาฝึกจนครบ 4 เดือนแล้ว ครูฝึกก็จะทดสอบน้องหมา และเมื่อเขาสอบผ่าน น้องหมา

จะถูกส่งกลับไปยังหน่วยงานของตนเพื่อปฏิบัติงานจริง

สุนัข K9 ปลดประจำการ

สุนัข K9 มักจะมีช่วงเวลาทำงานตั้งแต่อายุประมาณ 1 -7 ปี และมักจะปลดประจำการเมื่ออายุได้ 8 ปี

เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่เสื่อมลงแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานจึงลดลง และถึงเวลาที่ควรให้น้องได้พักแล้ว

แต่ก่อนออกจากชีวิตการทำงานของน้องหมา หน่วยงานนั้น ๆ ก็มักจะมีพิธีปลดประจำการ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นความสำคัญของน้องหมาผู้เสียสละ โดยจะทำพิธีปลดปลอกคอสุนัขของทางราชการ (K-9) ซึ่งวันนี้ครูฝึกก็จะมาอำลาน้องหมาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน ถือเป็นพิธีที่เรียบง่ายแต่ก็สร้างความซาบซึ้งและประทับใจให้ผู้ที่พบเห็นจริง ๆ ครับ

สำหรับน้องหมา K9 ที่ปลดประจำการก็จะวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปครับ เช่น บางตัวอยู่บ้านครูฝึกเพราะผูกพันกันมาก จนครูฝึกขอพากลับไปด้วย ขณะที่สุนัข K9 ส่วนใหญ่จะได้รับการดูแลจากหน่วยงานนั้นจนสิ้นอายุขัย ซึ่งจะเป็นการเลี้ยงแบบให้น้องหมาผ่อนคลาย ได้กิน ได้วิ่งเล่น และได้ว่ายน้ำ  

ซึ่งที่ผ่านมาสุนัข K9 ไม่ได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนแบบคน เรื่องลาภยศสรรเสริญก็ตัดออกไปเลยเพราะสุนัขย่อมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้  เขาจะได้รับแค่อาหาร และการดูแลทั่วไปเท่านั้นครับ ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการในช่วงท้ายของชีวิตตอนนี้ ก็คือการได้พักผ่อน ได้รับความรัก และการเอาใจใส่ดูแลที่มากขึ้นนั่นเองครับ  

***หมายเหตุ

บางหน่วยงานจะเปิดให้คนทั่วไปรับอุปถัมภ์สุนัขที่ไม่ผ่านการทดสอบ K9 หรือไม่ได้รับเลือกให้ฝึกสุนัข K9 ซึ่งจะไม่มีการนำสุนัข K9 ที่ผ่านการทำงานจริงมาเข้าร่วมโครงการนี้ดังที่เกิดกระแสความเข้าใจคลาดเคลื่อน และการอุปถัมภ์น้องหมาจะใช้วิธีประมูล คือมีค่าใช้จ่ายนะครับ และมักจะเริ่มต้นประมาณ 1,500 บาท

สุนัขทั่วไปสามารถฝึกแบบ K9 ได้ไหม

บางคนที่มีสุนัขสายพันธุ์แนวเดียวกับสุนัข K9 ก็รู้สึกอยากให้น้องหมาของตนได้รับการฝึกแบบนี้บ้าง ดังนั้นจึงมองหาสถานที่ฝึกที่สามารถตอบโจทย์ได้ จึงทำให้ปัจจุบันเกิดสถานที่ฝึกน้องหมาแนวฝึกทหารหรือฝึกเรื่องความมีระเบียบมากขึ้น

ซึ่งแม้น้องหมาจากโรงเรียนเหล่านี้จะไม่ได้ฝึกเข้มข้นแบบน้องหมาทหาร ไม่ได้ฝึกเพื่อทำภารกิจระดับประเทศ แต่ก็จะได้รับการฝึกเพื่อช่วยให้เขามีระเบียบวินัย  เชื่อฟังเจ้าของมากขึ้น และเป็นพื้นฐานให้เขาเข้าใจคำสั่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

หากคุณสนใจอยากให้น้องหมาได้ฝึกแนว K9 แบบเบา ๆ ขอแนะนำให้เลือกสถานที่ฝึกสุนัข โดยพิจารณาจาก…

-เลือกหลักสูตรที่เหมาะสมกับน้องหมา และความต้องการของคุณ ที่สำคัญคืออย่าพยายามให้น้องหมาทำในสิ่งที่เกินตัวหรือเกินจำเป็น

-โรงเรียนฝึกได้มาตรฐาน สถานที่มีความสะดวกสบายเหมาะสม หลักสูตรได้มาตรฐานสากล มีความปลอดภัยสำหรับน้องหมา และมีครูฝึกผู้เชี่ยวชาญ

-อย่าลืมอ่านรีวิว และสอบถามโดยตรงกับผู้ที่เคยใช้บริการจริง

-สังเกตที่ครูฝึกว่าดูรักน้องหมาจริง มีความใจเย็น และไม่ใช่การฝึกแบบเน้นทำโทษ หรือใช้ความรุนแรง

-หากเป็นไปได้ควรหาคอร์สที่เจ้าของฝึกร่วมกับน้องหมาด้วย ก็จะช่วยให้ไม่ต้องกังวลว่าน้องหมาของคุณจะได้รับอันตราย

เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ก็อาจทำให้คุณรู้สึกว่า “สุนัข K9” ไม่ใช่แค่เพียงน้องหมาเท่ ๆ  ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสูงเท่านั้น แต่เขายังเสียสละแรงกายแรงใจเพื่อช่วยเหลือมนุษย์เราอย่างเต็มที่ และหากจะยกย่องสุนัข K9 ว่าเป็นสุดยอดวีรบุรุษก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และแม้ว่าน้องหมาของคุณอาจไม่ได้เก่งกาจเหมือนสุนัข K9 เป็นเพียงน้องหมาธรรมดา ที่แม้แต่ทำท่าให้มือก็ยังไม่เป็น แต่อย่างไรเสียเขาก็มอบความรัก และความซื่อสัตย์ให้คุณเพียงคนเดียวไม่ใช่หรือครับ ดังนั้นจงรักเขาอย่างที่เขาเป็นนั่นล่ะครับ รับรองว่าจะมีความสุขทั้งคนทั้งหมาแน่นอนครับ 

 

บทความล่าสุด