บูลด็อกเลี้ยงยากหรือเปล่า? ข้อดีข้อเสียของการเลี้ยงบูลด็อก


บูลด็อกเลี้ยงยากหรือเปล่า

หากคุณกำลังมองหาสุนัขพันธุ์ บูลด็อก เลี้ยงไว้สักตัว คุณแน่ใจแล้วหรือว่า รู้จักสุนัขพันธุ์นี้ดีแล้ว ผมจะพาคุณไปรู้จัก สุนัขพันธุ์ บูลด็อก ให้มากขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่า มีความพร้อมที่จะเลี้ยงเขาได้อย่างมีความสุข

ผมเป็นคนที่รักสุนัขพันธุ์นี้มาก ตอนเด็กๆเคยเลี้ยงไว้หลายตัว ซึ่งก็ทำให้รู้สึกอยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมา หนึ่งเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ และ สองเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดๆของหลายๆคนที่มีต่อบูลด็อกครับ

ทำความรู้จัก สุนัขบูลด็อก

บูลด็อกเป็นสุนัขขนาดลำตัวไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ส่วนหัวใหญ่แต่ลำตัวสั้น ไหล่กว้าง โครงสร้างของกระดูกและข้อต่อแข็งแรง ความสูงประมาณ 12 – 15 นิ้ว น้ำหนักประมาณ 18 – 25 กิโลกรัม อายุเฉลี่ย 8 – 13 ปี ขนอ่อนนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง ส่วนใหญ่จะมีขนสีขาวและมาร์คกิ้งสีต่าง ๆ ส่วนมากจะเป็นสีน้ำตาลแก่และสีน้ำตาลอ่อนสลับกัน แต่สีที่หายากจะเป็นสีเทาเข้ม

ดูจากภายนอกแล้วบูลด็อกน่าจะเป็นสุนัขที่ดุร้าย ดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วมีนิสัยที่อ่อนโยน รักสงบ ซึ่งก็เพราะบูลด็อกในสมัยก่อนเป็นสุนัขที่ถูกเลี้ยงเพื่อ ‘สู้กับวัวกระทิง’ แต่ในยุคปัจจุบันถูกเพาะพันธุ์ให้มีความนิ่งสงบ หรือจะเรียกว่า ‘ไร้ความน่ากลัว’ เลยก็ได้ บางตัวแม้แต่ฟันยังไม่มีเลย อันตรายสุดคือโดนวิ่งชน

เพื่อให้คุณสามารถพิจารณาได้อย่างถูกต้องว่าบูลด็อกน่าเลี้ยงแค่ไหนในข้อจำกัดของคุณ ในส่วนต่อไปเรามาดูข้อดีข้อเสียของบูลด็อกกันครับ

ข้อดีของการเลี้ยงบูลด็อก

  • มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีและเชื่อฟังคำสั่งกับเจ้าของมาก และเข้ากันได้ดีกับสุนัขตัวอื่นๆด้วย
  • สามารถที่จะปกป้องเจ้าของได้ หากอยู่ในภาวะที่อยู่ในอันตราย (เห่าสู้ได้ แต่ทำอะไรไม่ค่อยได้)
  • เป็นสุนัขที่อารมณ์ดี มีความอดทนสูง แต่อาจจะไม่ได้ฉลาดมาก ทำให้ต้องใช้เวลาฝึกสอนเยอะ
  • เหมาะที่จะเลี้ยงภายในบ้าน คอนโด หรือ อพาร์ทเมนท์ เพราะเขาไม่ชอบออกกำลังกายเท่าไหร่นัก ถ้าอยากให้ทำกิจกรรม แค่พาไปเดินเล่นระยะทางสั้นๆก็พอแล้ว
  • หากใครได้เลี้ยงบูลด็อกไว้ในบ้าน หมดกังวลเรื่องการเห่าไปได้เลย ไม่สร้างความรบกวนให้กับคนในบ้านหรือแม้แต่เพื่อนบ้านอย่างแน่นอน 

ข้อเสียที่คุณต้องเรียนรู้หากต้องเลี้ยงบูลด๊อก

  • เนื่องจาก บูลด็อก มีจมูกและปากที่สั้น กรามยื่นต่ำออกมาด้านนอก ส่งผลให้การหายใจจะมีเสียงฟืดฟาดบ่อยและเวลานอนจะมีเสียงกรนทุกครั้ง เช่นเดียวกัน สุนัขหน้าสั้นก็มักจะมีน้ำลายเยอะ
  •  ด้วยระบบการหายใจทำงานไม่ปกติ ทำให้การกระจายความร้อนได้ไม่ดีนัก จึงมีความไวต่อแดดมาก ทำให้ไม่สามารรถทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนได้มากนัก มีโอกาสที่จะเป็นโรค ฮีทสโตรก (Heat Stroke) เป็นอันตรายต่อชีวิต จึงควรเลี้ยงในห้องปรับอากาศถึงจะเหมาะกว่า
  • ระบบการย่อยอาหารไม่ค่อยดี อาจทำให้เกิดท้องอืดอยู่บ่อยครั้ง ต้องดูแลเอาใจใส่เรื่องอาหารพอสมควร
  • สุนัขพันธุ์บูลด็อกจะมีปัญหาเรื่องของผิวหนัง จะเป็นเชื้อราตรงบริเวณรอยย่นของผิวหนังได้ง่าย หากไม่ดูแลเอาใจใส่ดีๆ ทำให้ผิวหนังอักเสบ
  • ถึงแม้ว่าบูลด็อกสามารถเลี้ยงในห้องได้ แต่หากว่าปล่อยเขาอยู่ตัวเดียวนานๆหรือไม่พาไปทำกิจกรรมเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้าในสัตว์ได้ ควรมีเวลาใส่ใจเขาเป็นพิเศษ

บูลด็อกเหมาะกับใคร

บูลด็อกเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ เพราะเพื่อนเล่นที่ดี สร้างความสุขให้กับทุกคน เนื่องจากบูลด็อกมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังส่วนรอยย่น จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษหมั่นทำความสะอาดอยู่บ่อยๆ ฉะนั้นใครที่คิดจะเลี้ยงต้องมีเวลาเอาใจใส่ในส่วนนี้ด้วย

แม้ว่าบูลด๊อกจะมีรูปร่างไม่ใหญ่มากนัก แต่โครงสร้างของเขาแข็งแรงมาก จึงไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างผอมบาง เพราะตอนที่พาเขาไปออกกำลังกายหรือฝึกทักษะต่างๆต้องใช้แรงในการเล่นกับเขาค่อนข้างมาก

เราจะเห็นได้ว่า บูลด็อก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบการแปรงขนสุนัข เพราะมีขนสั้นจึงไม่จำเป็นต้องแปรงหรือหวีขนเขาบ่อยนัก ซึ่งโดยรวมแล้วก็แปลว่าไม่ต้องอาบน้ำบ่อยเท่าสุนัขขนยาวด้วย แต่ในช่วงหน้าร้อนก็อาจจะต้องใช้การเช็ดตัว เช็ดหน้าแทน

สิ่งหนึ่งที่คุณหนีไม่ได้ นั่นคือ น้ำลาย ของเจ้าบูลด๊อก นั่นเอง เพราะเวลาเล่นกับเขา น้ำลายจะออกมามากเป็นพิเศษ ใครที่รังเกียจน้ำลายคงไม่เหมาะที่จะเลี้ยง

สรุปแล้ว บูลด็อกน่าเลี้ยงไหม

บูลด็อกเหมาะกับคนที่ เข้าใจนิสัยของเขาอย่างแท้จริง มีเวลาดูแลเอาใจใส่ และมีความพร้อมที่จะเลี้ยงเขาได้อย่างเต็มที่ ให้มีชีวิตที่ดีตลอดจนหมดอายุขัย โดยเฉพาะเรื่องเงิน เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงพอสมควร

  • ผู้ที่จะเลี้ยงบูลด็อกต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจถึงนิสัยของเขา  และมีความละเอียดในการดูแลสุนัขพันธุ์นี้เป็นอย่างดี
  • บูลด็อกเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสุนัขที่มีรูปร่างบึกบึน แข็งแรงแต่มีนิสัยรักสงบและไม่ชอบเสียงเห่าของสุนัข
  • หากจะคิดเลี้ยงบูลด็อกเพื่อเฝ้าบ้าน ป้องกันขโมย ขอบอกว่าคิดผิด เพราะเขาเป็นมิตรกับคนแปลกหน้า จึงไม่เหมาะที่จะนำมาเฝ้าบ้าน

สำหรับราคาทั่วไปของสุนัขพันธุ์นี้ประมาณ 13,000 – 30,000 บาท แต่หากต้องการเกรดเอที่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์มาจากต่างประเทศและมีใบเพ็ดดีกรี จะมีราคาค่อนข้างสูงมาก อยู่ประมาณ 2 แสนจนถึง 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อที่เพียงพอ

แน่นอนว่าราคานี้ไม่ได้รวมค่ารักษาพยาบาล หากคุณไม่เช็ดตัวให้บ่อยๆ คุมอาหารให้ดี คุณก็อาจจะเป็นบูลด็อกของคุณเป็นโรคนู่นนี่ ซึ่งสุนัขแบบนี้ถึงแม้จะมีกล้ามเนื้อเยอะ ดูกำยำ แต่จริงๆแล้วมีโรคเยอะมาก

โดยปกติควรให้อาหาร 2 มื้อ ถึงแม้บูลด็อกจะเลี้ยงง่ายให้กินอาหารแบบธรรมดา เช่น หมู ไก่ ที่สุกแล้ว แต่จำเป็นต้องสลับอาหารเม็ดที่สารอาหารครบไม่เป็นอันตรายกับสุขภาพสุนัข ซึ่งอาหารที่เกรดดีๆจะมีราคาที่สูง คนที่จะเลี้ยงพันธุ์นี้จำเป็นต้องกระเป๋าหนัก สามารถซื้ออาหารดีๆได้ และไม่เดือดร้อนต่อสถานะการเงิน

สรุปแล้วเกี่ยวกับบูลด็อก

ผมคิดว่าบูลด็อกเป็นสุนัขที่สร้างรอยยิ้มให้กับเจ้าของได้เยอะมาก พอเรามองกลับไปแล้ว ถึงแม้สุนัขจะอายุสั้น แต่ความทรงจำดีที่เค้าสร้างให้กับเราก็อยู่นานมากกว่าอายุขัยของตัวสุนัขเองเสียอีก

หากคุณไม่มีประสบการณ์เลี้ยงสุนัข แต่คิดอยากจะเลี้ยงเพราะความชอบเพียงอย่างเดียว บทความนี้อาจจะทำให้คุณได้รู้จัก บูลด๊อก มากขึ้น เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจที่จะเลี้ยงเขาได้จริงหรือไม่ และถ้าคุณสามารถเลี้ยงเขาได้ไม่มีปัญหารับรองว่า บูลด็อก จะทำให้คุณหลงรักเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งเลยครับ

บทความล่าสุด