ความน่ารักน่าชังของบีเกิ้ล ทำให้หลายคนรู้สึกถูกชะตากับสุนัขพันธุ์นี้ได้ไม่ยาก แต่เมื่อลองนำมาเลี้ยงแล้วกลับพบว่า เป็นสุนัขที่ค่อนข้างดื้อและซนไม่เบาเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะว่าสายพันธุ์บีเกิ้ลถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในเกมกีฬา เช่น การล่าสัตว์ ทำให้มีสัญชาตญาณนักล่าอยู่ในตัว มีความคิดเป็นของตัวเอง และพลังงานสูง
ซึ่งสำหรับคนที่นำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านแล้วเจอปัญหาข้างต้น มาดูวิธีฝึกบีเกิ้ลให้ทำตามคำสั่งกันครับ
วิธีฝึกบีเกิ้ลให้เชื่อง พร้อมสร้างพฤติกรรมที่ดีให้กับสุนัข
ก่อนจะเริ่มการฝึก เจ้าของสุนัขต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ความสามารถในการเรียนรู้ของสุนัขแต่ละตัวขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม อายุ และอารมณ์ของสุนัข เจ้าของต้องใจเย็นในการฝึก รวมถึงหมั่นทบทวนคำสั่งเรื่อย ๆ แม้สุนัขจะจดจำและทำตามได้แล้วก็ตาม
นอกจากนี้หากสุนัขไม่สามารถทำตามคำสั่งหรือจำสิ่งสอนไปไม่ได้ ไม่ควรดุด่า ตี หรือลงโทษ เพราะสุนัขไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำนั้นดีหรือไม่ อีกทั้งอาจจะเข้าใจว่าเจ้าของส่งเสริมพวกมันแทน และทำพฤติกรรมที่ไม่ดีซ้ำ
1. สร้างขอบเขตพื้นที่ส่วนตัว
เมื่อนำบีเกิ้ลเข้ามาเลี้ยงที่บ้าน ไม่ควรปล่อยให้สุนัขเดินเล่นไปทั่วตามอำเภอใจ เพราะสุนัขจะเข้าใจว่าตัวเองเป็นเจ้าของพื้นที่ และอาจจะสร้างอาณาเขตโดยการฉี่รดตามสิ่งของในบ้าน
ดังนั้นจึงควรจำกัดพื้นที่ให้พวกมันตัวตั้งแต่แรก โดยเริ่มจากหาเบาะ ของเล่น อาหาร และน้ำ มาวางไว้ในห้อง กล่อง หรือกรง จากนั้นปล่อยให้สุนัขทำความรู้สึกว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย และคุ้นเคยกับการถูกจำกัดพื้นที่ ในระหว่างนี้เจ้าของไม่ควรแหย่หรือแกล้ง เพราะทำให้สุนัขเครียดและกลัวการถูกขัง
ในระหว่างนี้หากเจ้าของจำเป็นจะต้องออกไปธุระนอกบ้าน ไม่ควรปล่อยให้สุนัขออกมาวิ่งเล่นตามลำพัง เพราะจะสร้างนิสัยที่ไม่ดีหรือเรียกร้องความสนใจด้วยการกัดของในบ้านได้
2. ฝึกให้ทำตามคำสั่ง
คำสั่งที่ใช้ควรเป็นคำสั้น ๆ จำง่าย ๆ วันละ 5-10 นาที เช่น หากต้องการสั่งให้นั่ง เริ่มจากยื่นขนมเข้าไปใกล้ ๆ จมูกสุนัข แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “นั่ง” พร้อมกับขยับขนมไปไว้เหนือศีรษะ แล้วรอให้สุนัขวางก้นลงบนพื้น จากนั้นดึงขนมกลับมา แล้วทำตามขั้นตอนเดิม หากสุนัขสามารถจดจำและทำซ้ำได้แล้วค่อยให้รางวัล เป็นคำชมกับขนมที่ใช้ เพื่อให้สุนัขเกิดการเชื่อมโยงระหว่างคำสั่งกับการฏิบัติ และสามารถทำซ้ำได้
หรือถ้าอยากให้สุนัขฝึกหมอบ ถือขนมไว้ในมืออีกข้าง แล้วยื่นขนมเข้าไปใกล้ ๆ จมูก พูดว่า “หมอบ” แล้วค่อย ๆ ดึงขนมลงมาจนสุนัขทำตามที่ต้องการ ก่อนจะทำซ้ำจนกว่าสุนัขจะจำได้ แล้วค่อยให้รางวัล
ทั้งนี้ควรสอนวิธีฝึกสุนัขให้ใช้วิธีเดียวกันทุกคน เพื่อไม่ให้สุนัขเกิดความสับสนและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
3. ฝึกใส่สายสูง
เนื่องจากบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่มีเอนเนอร์จี้สูง ต้องการการออกกำลังกายเพื่อระบายพลังงาน อีกทั้งยังไวต่อการเปลี่ยนแปลง หากเจอสิ่งที่สนใจจะเสียสมาธิและวิ่งตามไปได้ง่าย ดังนั้นก่อนที่เจ้าของจะพาบีเกิ้ลไปเดินเล่น ควรฝึกให้คุ้นเคยกับการใส่สายจูงเพื่อควบคุมพวกมันให้ได้ก่อน
สายจูงที่ใช้ควรมีความยาวประมาณ 1.8 เมตร เพื่อให้สุนัขสามารถเดินได้อย่างเป็นอิสระ ไม่รู้สึกถูกควบคุมมากเกินไป จากนั้นพาออกมาเดินรอบบ้านและฝึกออกคำสั่ง เช่น กระตุกเบา ๆ 1 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้สุนัขหยุด เป็นต้น
ควรฝึกเป็นเวลาวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที โดยทุกครั้งที่ใส่สายจูงเจ้าของควรเดินนำหน้าเสมอ เพื่อให้สุนัขเข้าใจว่าเราเป็นผู้นำ เมื่อสุนัขคุ้นเคยแล้วค่อยพาไปเดินเล่นนอกบ้าน
ทั้งนี้หลีกเลี่ยงการกระชากสายจูงหรือดึงสายจูงจนตึงเกินไป เพราะจะทำให้เพราะจะทำให้สุนัขบาดเจ็บที่กระดูกคอ หลอดลม หรือกล่องเสียงได้
4. ฝึกกินให้เป็นเวลา
เนื่องจากเป็นสุนัขที่กินเก่ง ดังนั้นเจ้าของควรควบคุมปริมาณและมื้ออาหารให้พอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดีของสุนัข โดยให้กินเฉพาะอาหารสุนัขเท่านั้นและให้เวลาเดียวกันเป็นประจำทุกวัน
การให้อาหารในช่วง 2-3 เดือนแรก ให้ เนื่องจากบีเกิ้ลเป็นสุนัขที่มีเอนเนอร์จี้สูง ต้องการการออกกำลังกายเพื่อระบายพลังงาน อีกทั้งยังไวต่อการเปลี่ยนแปลง หากเจอสิ่งที่สนใจจะเสียสมาธิและวิ่งตามไปได้ง่าย ดังนั้นก่อนที่เจ้าของจะพาบีเกิ้ลไปเดินเล่น ควรฝึกให้คุ้นเคยกับการใส่สายจูงเพื่อควบคุมพวกมันให้ได้ก่อน
สายจูงที่ใช้ควรมีความยาวประมาณ 1.8 เมตร เพื่อให้สุนัขสามารถเดินได้อย่างเป็นอิสระ ไม่รู้สึกถูกควบคุมมากเกินไป จากนั้นพาออกมาเดินรอบบ้านและฝึกออกคำสั่ง เช่น กระตุกเบา ๆ 1 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณให้สุนัขหยุด เป็นต้น
ควรฝึกเป็นเวลาวันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 30-60 นาที โดยทุกครั้งที่ใส่สายจูงเจ้าของควรเดินนำหน้าเสมอ เพื่อให้สุนัขเข้าใจว่าเราเป็นผู้นำ เมื่อสุนัขคุ้นเคยแล้วค่อยพาไปเดินเล่นนอกบ้าน
ทั้งนี้หลีกเลี่ยงการกระชากสายจูงหรือดึงสายจูงจนตึงเกินไป เพราะจะทำให้เพราะจะทำให้สุนัขบาดเจ็บที่กระดูกคอ หลอดลม หรือกล่องเสียงได้
อาหารประมาณ 4 มื้อ มื้อละ 1 ถ้วยต่อวัน จากนั้นค่อยปรับเป็น 3 มื้อต่อวัน ช่วงอายุประมาณ 3-4 เดือน และลดเหลือ 2 มื้อต่อวัน เมื่อสุนัขมีอายุ 4 เดือน – 1 ปี
หลังจากสุนัขมีอายุ 1 ปี เป็นต้นไปให้อาหาร 1 มื้อต่อวัน ก็เพียงพอ ทั้งนี้ควรเลี่ยงการเอาอาหารคนให้สุนัขกิน เพราะสุนัขอาจจะติดใจในรสชาติ จนไม่ยอมกลับไปกินอาหารเม็ดอีก และอาหารคนบางชนิดเป็นอันตรายกับระบบย่อยอาหาร อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ รวมถึงลดพฤติกรรมไม่ให้สุนัขรบกวนขณะเจ้าของกำลังกินอาหาร
5. ฝึกการขับถ่าย
ลูกสุนัขที่มีอายุ 3-4 เดือน เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกการขับถ่าย สำหรับสุนัขที่มีอายุมากก็สามารถฝึกได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานในการสร้างการเรียนรู้
วิธีฝึกเริ่มจากพาสุนัขไปฉี่หรืออึในจุดเดิมและเวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งสุนัขจดจำกลิ่นของตัวเองและจุดสำหรับขับถ่าย
หากในระหว่างนั้นเห็นสุนัขอึหรือฉี่ไม่เป็นที่ ควรสั่งให้ “หยุด” ทันที แล้วพาสุนัขไปยังจุดที่ขับถ่ายเดิม หลังจากนั้นรีบทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวเพื่อกำจัดให้เรียบร้อย โดยหลีกเลี่ยงน้ำยาทำยาที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย เพราะจะทำให้กลิ่นฉี่แรงขึ้น และสุนัขอาจจะกลับมาฉี่ซ้ำอีก
6. ฝึกให้หยุดเห่า
ปกติบีเกิ้ลจะไม่เห่าพร่ำเพรื่อ แต่จะเห่าเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติหรือสิ่งที่น่าสนใจ โดยเห่าเสียงดังและยาว เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมองว่าเป็นสุนัขก้าวร้าวหรือรบกวนเพื่อนบ้าน ควรฝึกให้สุนัขหยุดเห่า
โดยฝึกการออกคำสั่งให้หยุดเห่า พร้อมกับถือขนมไว้ในมือ และให้รางวัลหรือคำชมเมื่อสุนัขทำตาม จากนั้นทำซ้ำจนกระทั่งสุนัขเกิดการเรียนรู้ โดยการจดจำน้ำเสียงกับคำสั่งและหยุดเห่าได้
ในกรณีที่บีเกิ้ลเห่า สุนัขตัวอื่นตอนพาออกไปเดินเล่น ให้ออกคำสั่งแบบเดียวกัน และพาเดินไปฝั่งตรงข้ามแทน
สำหรับคนที่เลี้ยงบีเกิ้ลแต่สุนัขไม่ยอมทำตามคำสั่ง ก็สามารถนำวิธีข้างต้นไปลองใช้ เพื่อเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมกันได้ แต่สำหรับใครที่อยู่ในช่วงตัดสินใจก่อนเลี้ยง ก็ดูไว้เป็นแนวทางในการศึกษาเบื้องต้นว่า เหมาะกับเลี้ยงไว้ที่บ้านของเราหรือไม่ก็ได้ครับ